ผกก.แสนภูดาษ แจงพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนก่อนขอศาลออกหมายจับผู้เป็นบิดาสาว 15 ชาวสกลนคร เผยฝ่ายผู้เสียหายชี้ตัวแม่นยำและมีหลักฐานตลอดจนพฤติการณ์ปรากฏในที่เกิดเหตุมากเพียงพอ ระบุพร้อมให้ความเป็นธรรมหากทางญาติฝ่ายผู้ต้องหามีพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมมาส่งมอบให้เพื่อโต้แย้งความผิด
วันที่ 20 ส.ค.62 เวลา 13.30 น. พ.ต.อ.นิพนธ์ คล้ายสิงห์ ผกก. สภ.แสนภูดาษ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้แถลงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน กรณีมีหญิงสาววัย 15 ปี ชาว จ.สกลนคร ร้องขอความเป็นธรรมผ่านทางสื่อแขนงหนึ่ง โดยอ้างว่าผู้เป็นบิดา คือ นายพุดทา ซีด้วง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 ม.4 ต.กกปลาซิว อ.ภูพาน จ.สกลนคร นั้นเป็นแพะรับบาป
ข่าวน่าสนใจ:
หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ” ตามหมายจับศาล จ.ฉะเชิงเทรา ที่ 521/2558 และถูกส่งตัวมาดำเนินคดียังที่ สภ.แสนภูดาษ ท้องที่เกิดเหตุ ก่อนพนักงานสอบสวนจะนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังยังที่เรือนจำกลาง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นผลัดที่ 2 แล้วนั้นว่า
จากพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายมี ทั้งการขอดูและจดข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน ของหนึ่งใน 2 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ก่อนเปิดเข้าใช้บริหารภายในห้องพักภายของรีสอร์ทที่เกิดเหตุ และภาพป้ายทะเบียนรถของรถทุกคันที่ขับเข้ามาใช้บริการนั้นจะมีการบันทึกไว้ ซึ่งวันเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์ฮอนด้า คันหมายเลขทะเบียน 4กค-4105 กรุงเทพฯ เข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ และมีชื่อในทะเบียนผู้ครอบครองตรงกันกับบัตรประจำตัวประชาชนที่นำมาใช้เปิดห้อง
โดยที่ทางฝ่ายของผู้เสียหาย คือ น.ส.จิณณณิชา เชื้อหนองโปร่ง อายุ 38 ปี เจ้าของรีสอร์ท ยังได้มีการชี้ตัวยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า บุคคลที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวมาได้นั้น เป็นบุคคลคนเดียวกันที่เข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ เป็นโทรทัศน์สี แอลอีดี ยี่ห้อ แอลจี พร้อมขาตั้ง มูลค่า 10,500 บาท จากรีสอร์ท อุ่นรักรีสอร์ท ตั้งอยู่เลขที่ 81 ม.3 ต.แสนภูดาษไปจริง
ซึ่งในวันเกิดเหตุเวลา 14.47 น. ของวันที่ 7 พ.ย.58 นายพุดทา ผู้ต้องหาตามหมายศาล จ.เชิงเทรา ที่521/2558 พร้อมด้วยหญิงสาวอีก 1 คน (ขอสงวนชื่อไว้ก่อน) ซึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ผู้ต้องหาตามหมายจับ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ 522/2558 (ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี) ได้ขับรถเข้ามาทำการขอเปิดใช้บริการห้องพัก ตามบัตรประชาชนของฝ่ายหญิง ในห้องที่ 4 จากทั้งหมด 12 ห้อง ก่อนที่จะพากันกลับออกไปในเวลา 16.30 น.
และหลังจากพนักงานเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินในห้องพัก กลับพบว่าโทรทัศน์สี แอลอีดี ที่ติดตั้งไว้บริการให้แก่ลุกค้าภายในห้องได้หายไป โดยมีการใช้อุปกรณ์แก๊สในการเป่าตัดเหล็ก เพื่อก่อเหตุลักทรัพย์ดังกล่าวไป หลังพนักงานสอบสวนรับแจ้งเหตุได้ทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานขออนุญาตศาลออกหมายจับ ก่อนสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองส่งไปยังอัยการในขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองที่ร่วมกันก่อเหตุนั้นหลบหนี
และต่อมาในวันที่ 2 ส.ค.62 ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 521/2558 ได้ถูกจับกุมตัวได้ที่ บ้านกกโด่ ม.4 ต.กกปลาซิว อ.ภูพาน จ.สกลนคร และส่งตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดียังที่ สภ.แสนภูดาษ ในวันที่ 3 ส.ค.62 พนักงานสอบสวนได้จัดให้พยานมาทำการชี้ตัวยืนยันว่าเป็นบุคคลผู้ที่มากระทำความผิดจริงในวันเวลาที่เกิดเหตุดังกล่าว
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ก่อเหตุลักทรัพย์ทั้งสองรายนี้ ได้เข้ามาดูลาดเลาก่อนการลงมือไว้ก่อนด้วย โดยได้เข้ามาเปิดเช่าห้องพักในคืนของวันที่ 6 พ.ย.58 มาก่อนแล้ว 1 วัน จากนั้นในช่วงเวลากลางวัน 14.27 น. ของวันที่ 7 พ.ย.58 ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนชาย-หญิง ยังได้เวียนเข้ามาเปิดห้องพักใหม่อีกครั้ง ก่อนที่จะทำการลงมือโจรกรรมตัดเหล็กที่กั้นครอบโทรทัศน์ไว้ และลักทรัพย์เอาโทรทัศน์แอลซีดี ขนาด 29 นิ้วไป
ก่อนที่เจ้าของรีสอร์ทจะเดินทางมาเข้าพบ พ.ต.ท.ชาคินัย เมรสนัด สารวัตรเวรสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งขณะนี้ได้ย้ายไปช่วยราชการยังที่โรงพักอื่นแล้ว ให้ทำการสอบสวนและติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีดังกล่าว หากทางญาติของผู้ต้องหามีข้อมูลหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่สามารถนำมาใช้หักล้างความผิดได้ ทางพนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตามสิทธิ์ที่ทางฝ่ายของผู้ต้องหานั้นสามารถที่จะนำพยานหลักฐานมาต่อสู้ในทางคดีได้ พ.ต.อ.นิพนธ์ กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: