ร้องถนนแคบ ชาวบ้านชุมชนหน้าตลาดบูรพาย่าน อ.บางปะกง รวมพลขอพึ่งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังมีผู้เช่าที่ดินเอกชนมาปักหมุดกันเขตขวางถนน ทำเส้นทางการสัญจรคับแคบรถยนต์ไม่สามารถสวนทางกันได้โดยสะดวก วอนหน่วยงานรัฐช่วยสอบหาแนวเขตที่ดินสร้างความชัดเจนคลายความข้องใจให้แก่ชาวบ้าน
วันที่ 30 ก.ย.62 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีกลุ่มชาวบ้านจากพื้นที่ ม.7 และ ม.12 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จำนวนเกือบ 20 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ทางราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยลงพื้นที่ไปตรวจสอบแนวเขตถนนเส้นทางเข้าสู่หมู่บ้านเชื่อมระหว่างถนนจรัญยานนท์ บริเวณด้านหน้าตลาดบูรพา ไปยังถนนสาย บางนา-ตราด (เทพรัตน) กม.43
หลังมีผู้เช่าที่ดินเอกชนทำบ่อเลี้ยงปลารายหนึ่ง ได้นำหลักเขตแนวที่ดินมาปักขวางรุกเข้ามายังในเส้นทางถึง 3-4 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 300 เมตร จนทำให้การสัญจรเข้าออกของคนในหมู่บ้าน และผู้ใช้เส้นทางจำนวนมาก ขับรถผ่านพื้นที่บริเวณดังกล่าวด้วยความยากลำบาก รถยนต์ไม่สามารถขับสวนทางกันได้ โดย นายดำรง ลิขิตทรัพย์ อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 ม.12 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ถนนจรัญยานนท์ ซ.2 หรือ “สายลิขิตทรัพย์” เส้นนี้
เดิมเป็นเพียงทางเดินแคบๆ อยู่ริมคลองสาธารณะติดกับที่ดินของตน ต่อมาตนได้บริจาคพื้นที่ตลอดแนวที่ติดกับชายคลองให้แก่ทางราชการไปจำนวน 230 ตารางวา เพื่อให้ทำเป็นถนนส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งนั้นให้ถมคูน้ำ ซึ่งเป็นคลองสาธารณะเดิมที่ไม่มีใครใช้ประโยชน์แล้วให้ทำเป็นถนนเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่และชาวบ้านทั่วไปสัญจรผ่านกันได้โดยสะดวกขึ้น
แต่ต่อมาเมื่อประมาณกว่า 1 ปีเศษ ที่ผ่านมาได้มีผู้เช่าที่ดินเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งเคยมีแนวเขตติดกับคูน้ำสาธารณะอีกด้านหนึ่ง ได้นำหลักเขตมาปักกันแนวเขตไว้บนถนนซึ่งเดิมเคยเป็นแนวคูน้ำสาธารณะไว้ตลอดแนวพื้นที่ ความยาวกว่า 300 เมตร จึงทำให้ชาวบ้าน เดินทางสัญจรผ่านพื้นที่ตรงบริเวณดังกล่าวได้อย่างยากลำบากมาก เพราะรถยนต์ไม่สามารถสวนทางกันได้ จนทำให้เกิดอุบัติเฉี่ยวชนกันบ่อยครั้ง และยังทำให้การจราจรติดขัด
เนื่องจากปัจจุบันได้มีผู้คนเข้ามาใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นเส้นทางลัด เชื่อมมาจากถนน บางนา-ตราด มาออกยังบริเวณหน้าตลาดบูรพาพอดี และยังทำให้การรับส่งบุตรหลานไปโรงเรียนของชาวบ้านในเวลาเร่งด่วนนั้น ผ่านไปได้ยากด้วย เพราะเส้นทางลัดสายนี้เป็นเส้นทางที่ชาวบ้านไม่ต้องออกไปกลับรถยังบนถนนสายใหญ่ ซึ่งมีจุดกลับรถอยู่ห่างไกลหลาย กม. อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วย
จึงอยากร้องขอให้ทางศูนย์ดำรงธรรม ดำเนินการ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้าไปตรวจสอบหลักแนวเขตของผู้เช่าที่ดินเอกชนรายดังกล่าวนี้ ว่ามีการปักหลักกันเขตพื้นที่ไว้อย่างถูกต้องหรือไม่ และอยู่ในพื้นที่ดินของตนเองหรือไม่ เพราะประชาชนทั่วไปเดือดร้อนกันอย่างถ้วนหน้า นายดำรง กล่าว
ขณะที่นางนภา เกตุมะยูร อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 157/3 ม.12 ต.บางวัว กล่าวว่า หลังจากถนนถูกนำหลักเขตมาปักตั้งขวางเส้นทางแล้ว ทำให้ชาวบ้านเข้าออกลำบาก เพราะต้องใช้สัญจรออกจากหมู่บ้านไปยังตลาดบูรพา ทำให้รถยนต์สวนกันไม่ได้ เนื่องจากมีพื้นที่ถนนเหลือน้อยลง กว้างแค่เพียง 4-5 เมตร จากทั้งหมด 8 เมตร กว่าจะขับรถสวนกันได้ต้องหาทางโยกหักหลบกันวุ่นวายจึงจะหลุดพ้นจากกัน
เวลาขับรถสวนทางโดยเฉพาะช่วงเวลาโรงเรียนเลิก ที่ผู้ปกครองต้องออกไปรับเด็กนักเรียนรถจะติดขัดมาก อีกทั้งผู้คนที่จะออกไปยังตลาดและคนทำงาน ไปโรงงานก็ยังเข้ามาใช้เส้นทางสายนี้เพราะเป็นทางลัดที่ไม่ต้องออกไปอ้อมยูเทิร์นกลับรถไกลบนถนนใหญ่ นางนภา กล่าว
ด้าน น.ส.ประไพรพรรณ ลีดี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134 ม.12 ต.บางวัว และ น.ส.รัตนา ครบุรี อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 ม.12 กล่าวว่า ปัจจุบันเส้นทางลัดสายนี้การจราจรติดขัดมาก ชาวบ้านจึงอยากให้มีการขยายเป็นเส้นทางขนาด 8 เมตร ตลอดเส้นทาง เนื่องจากถนนทั้งสายกว้าง 8 เมตรเกือบตลอดสาย แต่มาติดขัดอยู่ตรงจุดนี้แค่จุดเดียวที่เป็นถนนแคบแบบคอขวด เนื่องจากมีคนมาปักหมุดหลักเขตขวางถนนไว้ โดยอ้างว่าเป็นแนวเขตที่ดินของตนเอง
ทั้งที่เดิมที่ดินตรงจุดนี้เคยเป็นคลองสาธารณะมาก่อน ปัจจุบันคนทำงานโรงงาน เด็กนักเรียนเดินทางมาโรงเรียน คนในชุมชนหมู่ 7 และหมู่ 12 ตลอดจนผู้คนจากภายนอกต่างเข้ามาใช้เส้นทางสายนี้กันเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นไปในทุกขณะ เพราะเป็นเส้นทางที่ไม่ต้องไปอ้อมกลับรถไกลบนถนนสายบางนา-ตราด เดือดร้อนกันทั้งเด็กและผู้สูงอายุ เวลาจะออกไปไหน ทั้งในช่วงเช้าและเย็น รถติดขัดมากจนแทบจะออกไปไหนไม่ได้ ทั้งสองคนระบุตรงกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: