กระแส HOT เพียงชั่วข้ามคืนผ่านทางโลกโซเชียล หลังหนุ่มวัย 32 ปี นำสุนัขสายพันธ์ต่างประเทศไปอาบน้ำแต่งขนแล้วถูกทางร้านคิดอัตราค่าบริการสูงถึง 2,800 บาท ทำเอานักเลงคีร์บอร์ดต่างพากันรุมสวดยับอย่างถล่มทลายถึง 1 หมื่นความคิดเห็น และมียอดวิวสูงถึง 3.9 แสนครั้ง ขณะยอดแชร์ต่อมากถึง 4.7 พันแชร์ ทำเอากลายเป็นประเด็นร้อนในเรื่องแบบหมาๆ ที่คนต้องพากันวุ่น
วันที่ 8 ธ.ค.60 เวลา 10.30 น. นายสิทธิชัย วิจิตรวงษ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 ม.2 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว หลังได้ทำการเผยแพร่ภาพแบบไลฟ์สดผ่านทางโลกโซเชียล (เฟชบุ๊ก) ความยาวของคลิปกว่า 26.27 นาที เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ถึงกรณีถูกร้านรับจ้างอาบน้ำแต่งขนสุนัขเรียกเก็บค่าบริการในราคาที่สูงถึง 2,800 บาท โดยระบุว่าเป็นราคาที่แพงที่สุดในประเทศไทย
จนมีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นาๆ บนโลกโซเชียล โดยมียอดจำนวนผู้แสดงความคิดเห็นในเชิงต่อว่าร้านค้าผู้ให้บริการดังกล่าว สูงถึง 10,000 ความคิดเห็น และมียอดวิวสูงถึง 394,341 ครั้ง และมียอดแชร์มากถึง 4,774 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาการเผยแพร่แค่เพียงกว่า 10 ชม.เท่านั้น
โดย นายสิทธิชัย กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. วานนี้ (7 ธ.ค.60 ) ตนได้นำสุนัขสายพันธุ์ต่างประเทศ “ซิวเวอร์ ฟ๊อก ไซบีเรียน” ซึ่งสั่งนำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกาในราคาตัวละ 2 แสนบาท ซึ่งเป็นพ่อพันธุ์ในการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกสุนัขขายไปให้ทางร้านอาบน้ำสุนัขแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนศุขประยูร (315) ฉะเชิงเทรา-พนัสนิคม ทำการอาบน้ำให้และในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.เศษ ทางร้านจึงได้โทรศัพท์กลับมาแจ้งให้ตนกลับไปรับสุนัขที่ทำการอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับบอกแจ้งถึงราคาค่าบริการสูงถึง 2,800 บาท ซึ่งทำให้ตนตกใจมาก จึงได้รีบเข้าไปพูดคุยสอบถามในรายละเอียด และให้ทางร้านได้ชี้แจงให้ฟังว่าสาเหตุที่คิดราคาค่าบริการสูงมากมายถึงขนาดนี้มีสาเหตุมาจากอะไร
โดยที่ทางร้านได้เขียนชี้แจงในบิลเรียกเก็บเงิน แยกออกเป็นค่าบริการดังนี้ คือ 1.ค่าอาบน้ำ 1,500 บาท 2.ค่าสางขน 850 บาท 3.ค่ากันทอง กันใต้อุ้งเท้า 150 บาท 4.ค่าน้ำยากำจัดกลิ่นสาบ 300 บาท รวมเป็นเงิน 2,800 บาท ทั้งที่ขณะที่ตนนำพาสุนัขมาส่งให้ยังที่ร้านนั้น ได้บอกว่าให้อาบน้ำเพียงอย่างเดียว
ซึ่งในเรื่องการอาบน้ำให้สุนัขของตน (น้องเชฟ) นั้น ก็ถือว่าอาบให้ดี แต่ราคามันแพงจนรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เพราะที่เคยนำสุนัขไปอาบน้ำในราคาแพงสูงสุดนั้นเต็มที่ก็แค่เพียง 800 บาท ซึ่งเป็นในเขต กทม.ด้วยซ้ำ ซึ่งก็ถือว่าแพงมากแล้ว และเคยนำไปอาบในร้านอื่นๆ ในตลาดแปดริ้วก็อาบให้ในราคา 500 บาท ซึ่งก็เป็นสุนัขใหญ่ที่ตัวโตแบบนี้ รวมทั้งตัวนี้และตัวอื่นๆ ด้วย เพราะตนนั้นทำฟาร์มสุนัขไซบีเรียนมานานถึง 10 ปีแล้ว ยังไม่เคยพบเจอค่าบริการอาบน้ำให้สุนัขในราคาที่แพงมากขนาดนี้มาก่อนเลย
หากมันจะแพงอะไรขนาดนี้เหตุใดทางร้านจึงไม่ยอมแจ้งราคาให้แก่ทางเจ้าของสุนัขทราบก่อนว่า ค่าบริการราคา 2,800 บาทนั้น เจ้าของจะรับได้หรือไม่ โดยเขาอ้างว่ามันเทียบกันไม่ได้หากจะนำค่าบริการของทางร้าน และการบริการของร้านอื่นไปเปรียบเทียบกัน และเขายังอ้างอีกว่ามันต้องอาบน้ำก่อนต้องเห็นหน้างานก่อนแล้วจึงจะตีราคาให้ได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้วก็ถือว่ามันเป็นการเอาเปรียบกันอย่างมาก
ในครั้งแรกเมื่อตนเห็นว่าราคามันแพงสูงเกินไปแล้ว ก็ได้เข้าไปคุยกันกับเขาดีๆ ว่า มันแพงเกินไปแล้วจะขอลดลงบ้างได้ไหม ก่อนที่จะคว้านำโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพบิลที่มีราคาสูงไว้ ซึ่งทางร้านเขาก็ยังมีการท้าทายกับเราอีกด้วยว่า “นี่ไม่ใช่เคสแรกหรอกที่มีปัญหา” ซึ่งเขาก็ได้มีการท้าทายให้ตนนั้นไลฟ์สดเลย ทั้งที่ตนนั้นยังไม่เคยไลฟ์สดมาก่อน จึงได้ทำการไลฟ์สดออกไป
สำหรับร้านแห่งนี้ ที่ผ่านมาก็เคยนำลูกสุนัขมาอาบน้ำ ซึ่งเขาก็คิดราคาแบบทั่วไป คือ ตัวละ 200 บาท ซึ่งก็เคยพูดคุยกันอยู่บ้าง ซึ่งตนเองนั้นกำลังจะเปิดเป็นร้าน “ไซบีเรียน คาเฟ่” ให้คนที่เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ได้เข้ามาพบปะพูดคุยกัน นำสุนัขมาเล่นกันยังที่ร้าน โดยเป็นสถานที่แห่งแรกในแปดริ้วที่จะเปิดในรูปแบบนี้ ซึ่งเขาก็รู้ว่าราคาสุนัขของเรานั้นนำเข้ามาจากต่างประเทศ นำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกาในราคาตัวละ 2 แสนบาท
โดยที่ทางร้านนั้นอ้างว่าสุนัขของตนนั้นมีขนที่พันกันเยอะถึง 3 ชั้น จึงต้องสางให้ ซึ่งเขาก็พูดให้มันดูเยอะในทำนองนี้ ซึ่งปกติไซบีเรียนนั้นเป็นสุนัขสะอาด แต่จะมีกลิ่นตัวแรงบ้างนิดหน่อยเท่านั้น และไม่มีขนมอมแมมหรือขนยาว และไม่พันกันอยู่แล้ว คือ หากหวีแล้วอาบน้ำให้ก็น่าจะจบแล้ว แต่หลังจากมีปัญหากันแล้วเขากลับบอกว่า ถ้านำเอามาอาบน้ำเพียงอย่างเดียวเขาไม่รับทำให้ คือ ต้องทำตามในวิธีของเขา หรือต้องให้มืออาชีพทำให้ในทำนองนั้น
โดยขณะที่ไลฟ์สดไปนั้น ก็ได้มีคนบอกว่าไม่ต้องจ่าย ให้ไปจ่ายกันที่โรงพัก หรือให้เอาตำรวจมาเคลียร์ ซึ่งตนก็มองว่าเมื่อเราเอาสุนัขมาอาบน้ำแล้วเราก็ให้ๆ เขาไป จึงได้จ่ายเขาไปก่อน 2 พันบาท เพราะเมื่อวานมีเงินติดตัวไปแค่นั้น ส่วนที่เหลือเดี๋ยวจะให้พี่ชายนำไปจ่ายให้อีก 800 บาท ซึ่งถ้าหากตนเองไม่มีเงินจ่ายจะให้ทำอย่างไร ซึ่งก็ได้ถามเขาแล้ว ซึ่งทางเขาก็อ้างว่าเขาได้โทรศัพท์แจ้งกับเราก่อนที่จะให้เรามาเอาสุนัขกลับแล้ว นายสิทธิชัย กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: