เพชรบูรณ์-ไม่รอด!แขกสุดแสปถูกรวบแล้ว มีดรามา!อ้างเพิ่งรู้แม่เสียชีวิตขอกลับบ้าน พร้อมงัดภาพมือถือให้ดู จนล่ามชาติเดียวกันถึงกับปล่อยโฮด้วยความสงสาร
ความคืบหน้ากรณีชาวต่างชาติสัญชาติปากีสถาน มีพฤติกรรมฉ้อฉลและหลอกล่อซื้อสินค้าโดยพูดภาษาอังกฤษวกวน พยายามสร้างความสับสนให้แก่ร้านค้าแล้วทวงเงินทอนหลังอ้างว่าจ่ายเงินให้แล้ว จนร้านค้าและห้างดังที่จ.เพชรบูรณ์และในหลายจังหวัดตกเป็นเหยื่อหลายราย ต่อมามีการแจ้งเตือนภัยทางสื่อโซเชียลมีเดีย จนเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.เพชรบูรณ์ ได้รับการประสานจาก เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 กทม.ว่าสามารถจับกุมชายต่างชาติรายนี้ได้เรียบร้อยแล้ว พร้อมแจ้งให้รับตัวไปดำเนินคดีในท้องที่เกิดเหตุที่ จ.เพชรบูรณ์
ล่าสุดวันที่ 18 มกราคม ที่.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ พ.ต.ต.ภูวดล ภูมี สว.ตม.จ.เพชรบูรณ์ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ตม.จ.เพชรบูรณ์ ได้นำตัว นายมูฮัมหมัด อามิน อายุ 31 ปี สัญชาติปากีสถานซึ่งถือหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย ส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ดำเนินคดีในข้อฉ้อโกงตามที่มีผู้เสียหาย 2 รายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ทั้งนี้ในการสอบสวนนายมูฮัมหมัดให้การผ่านล่ามชาติเดียวกันโดยให้การรับสารภาพ ทางพนักงานสอบสวนจึงควบคุมตัวส่งให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องต่อศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ กระทั่งศาลมีคำตัดสินลงโทษปรับส่วนโทษจำให้รอลงอาญา ในที่ตม.จ.เพชรบูรณ์เตรียมผลักดันกลับและทำการเก็บประวัติเพราะถือว่าพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศไทยต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
อย่างไรก็ตามระหว่างการสอบปากคำนายมูฮัมหมัดยังให้การว่า มารดาเพิ่งเสียชีวิตและเพิ่งจากมาทราบขณะติดต่อกลับไปบ้านที่ประเทศปากีสถาน จึงอยากจะกลับบ้านพร้อมงัดโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปมารดาให้ทางล่ามชาวปากีสถานสัญชาติเดียวกันชมดู จากนั้นได้หลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจพร้อมกับบอกว่าอยากจะกลับบ้านแล้ว จนทำให้ล่ามสัญชาติเดียวกันถึงกับปล่อยโฮด้วยความสงสารตามไปด้วยเช่นกัน
พ.ต.ต.ภูวดล ภูมี กล่าวว่า คดีนี้สิ้นสุดแล้วขณะนี้ทางตม.เพชรบูรณ์เตรียมจะผลักดันชาวต่างชาติรายนี้กลับไปยังประเทศภูมิลำเนาเดิม และมีการเก็บประวัติทำแบล็คลิสห้ามเข้าประเทศ เพราะพฤติกรรมเป็นภัยสังคม อย่างไรก็ตามคดีนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายและมีการบูรณาการเจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วน รวมทั้งได้เบาะแสและความร่วมมือจากชาวโซเชียลที่ช่วยกันตามเบาะแสพร้อมช่วยแจ้งเตือนภัย จนทำให้ปิดคดีนี้ได้เป็นผลสำเร็จ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: