เพชรบูรณ์-ตำรวจรวบ มือฆ่าโหดชิงทรัพย์ 2 ยาย-หลาน ที่หล่มสักได้แล้ว
ความคืบหน้าคดีคนร้ายงัดบ้านเข้าไปฆ่า 2 ยาย-หลาน เพื่อชิงทรัพย์อย่างโหดเหี้ยม ในท้องที่สภ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ล่าสุดทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีสามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดีได้เรียบร้อยแล้ว โดยพล.ต.ต.สัณห์ โพธิ์รักษา ผบก.ภ.จ.เพชรบูรณ์ ,พ.ต.อ.สมพร ทองรอด รองผบก.สส.ภ.6, พ.ต.อ.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง รองผบก.ภ.จ.เพชรบูรณ์, พ.ต.อ.ดร.เทพาย ทัพมงคล รรท.ผกก.สภ.หล่มสัก , พ.ต.ต.อนุรุท มูลนิล รทท.สว.ส.สภ.หล่มสัก, พ.ท.เกียรติอุดม นาดี ผบ.ม.พัน 28 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายวัชรพลหรือโฟร์ สีมา อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่านางสนม เกษร อายุ 56 ปี และหลานชายวัย 11 ปี โดยเหตุเกิดที่ต.หนองไขว่ อ.หล่มสักเมื่อเช้ามืดของวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตำรวจชุดไล่ล่าและคลี่คลายคดีติดตามจับกุมนายวัชรพลหรือโพร์ ได้ที่บ้านพักตำบลน้ำชุน อ.หล่มสัก จากนั้นนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.หล่มสักพร้อมตั้งข้อหาชิงทรัพย์จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบร่างกายนายวัชรพลพบบาดแผลที่มือและเท้า เป็นเหตุให้นายวัชรพลยอมรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุฆ่า 2 ยาย-หลานจริง เนื่องจากลอบเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านดังกล่าว แต่หลานชายนางสนมตื่นขึ้นมาพบเหตุการณ์พอดี จึงเกิดการต่อสู้กันโดยนายวัชรพลแย่งมีดที่จากมือหลานชายนางสนมจึงจ้วงแทงเสียชีวิต โดยนางสนมตื่นมาเห็นเหตุการณ์ และร้องตะโกนขอความช่วยเหลือพร้อมจะหลบหนี นายวัชรพลจึงถือมีดเข้าไปจ้วงแทงนายสนมจาเสียชีวิตเช่นกัน พร้อมกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทพร้อมพระเหลี่ยมทองติดมือหลบหนีไปแล้ว แต่ขณะขี่จักรยานจะข้ามคลองเพื่อหลบหนี กระแสน้ำไหลเชี่ยวทำให้ทั้งรถและสร้อยคอตกหล่นในน้ำ
หลังเสร็จการแถลง พ.ต.อ.ฐเดชพร้อมกำลังตำรวจได้ควบคุมนายวัชรพลไปทำแผนรับสารภาพบริเวณจุดขี่จักรยานข้ามคลอง โดยใช้ระยะเวลาไม่นานจึงรีบพากันกลับ สภ.หล่มสักโดยทันที โดยไม่ได้นำตัวนายวัชรพลไปทำแผนที่บ้านที่เกิดเหตุแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงถูกประชาทัณฑ์ หลังรับแจ้งว่ามีชาวบ้านและญาติผู้เสียชีวิตรอดูการทำแผนที่บ้านดังกล่าวจำนวนนับร้อยคน ส่วนนายวัชรพลหรือโฟร์มีประวัติต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน อย่างไรก็ตามจากการที่ตำรวจจับกุมคนร้ายรายนี้ได้ ทำให้ทุกคนคลายความวิตกกังวลและชื่นชมการทำงานของตำรวจ ซึ่งหลังเกิดเหตุเพียง 6 วันสามารถติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีได้ในที่สุด
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: