เพชรบูรณ์-น้องสาวเจ้าของร้านกาแฟดัง”โมอาย@เขาค้อ โต้กรณีถูกคณะจนท.เตรียมยื่นบังคับคดี แจงคดีอยู่ในชั้นฎีกา หากถูกตัดสินให้ออกก็จบไม่ได้ไปต่อ
วันที่ 8 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่คณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านกาแฟดัง “โมอาย@เขาค้อ” ที่ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อเตรียมบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ในข้อหาบุกรุกป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 สั่งลงโทษจำเลยพร้อมให้จำเลยและบริวารออกจากสถานที่เกิดเหตุ แต่ทั้งนี้มีนายนครินทร์ มูลจันทร์ อ้างว่าหลังเจ้าของเดิมเลิกกิจการจึงเจรจาเข้าทำกิจการภายในชื่อ “ร้านโมอาย@เขาค้อ” โดยไม่ได้เป็นบริวารหรือตัวแทนจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์การบังคับคดีทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ซึ่งทั้งสองศาลมีคำพิพากษายกคำร้องของนายนครินทร์นั้น และตรวจสอบว่าทางร้านดังกล่าวได้ยื่นฎีกาหรือไม่
ล่าสุดมีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Naris Sara ได้โพสเฟสบุ๊กส่วนตัวชี้แจงถึงกรณีคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านโมอาย@เขาค้อ เพื่อเตรียมบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 โดยระบุว่า
# นี่คือสรุปมาสั้นแล้วนะ #ถ้าให้เล่าทั้งหมดเดือนนึงก็ไม่จบ #ใครใคร่อ่านอ่าน #ใครใคร่แชร์แชร์ #ใครใคร่ด่าด่าในใจนะจ๊ะ #อ่านไม่จบห้ามวิจารณ์
ตลอดหลายปีมานี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ทุกคนเห็นมีข่าวร้านโมอาย@เขาค้อ ลงตามเพจข่าวต่างๆ แต่ก็ยังเห็นเราสามารถดำเนินกิจการต่อกันได้อย่างปกติ จะชี้แจงให้ฟังนะคะ
ร้านโมอายเจอคดีตั้งแต่ปี 58 และสู้คดีมาจนถึงปัจจุบัน (ปัจจุบันกำลังร้องศาลฎีกา) ซึ่ง(ถ้า)ศาลฎีกาตัดสินให้เราออกจากพื้นที่ ก็คือจบ End game ไม่ได้ไปต่อ … และคำว่า (ออก)ไม่ใช่รื้อ ! เราได้ศึกษาข้อกฎหมายมาดีแล้ว พื้นที่ที่ร้านเจอคดี ถ้าคดีสิ้นสุดแล้ว หน่วยงานไหนก็จะยังไม่มีสิทธิ์มารื้อได้ นอกจากเราจะรื้อเอง (ถ้าไม่รื้อก็คือยกร้านให้เป็นสมบัติชาติต่อไป)
แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ยังพอมีหวัง คือการขอใช้พื้นที่กับป่าไม้เพชรบูรณ์ (ซึ่งไม่รู้ว่าการขออนุญาตใช้พื้นที่จะผ่านมั้ย เพราะที่ผ่านเคยขอไปแล้วไม่ผ่าน ต้องยื่นเรื่องไปที่ป่าไม้พิษณุโลก ที่พิษณุโลก จึงมีคำสั่งให้เพชรบูรณ์รับเรื่อง เราถึงยื่นขออนุญาตได้อีกรอบ (โอเคค ไม่งงนะ)
และข่าวที่ลงล่าสุด ต้องออกตัวก่อนเลยว่า ไม่มีหน่วยงานใด หรือใครติดต่อมาหาเจ้าของร้าน หรือพนักงานในร้านเลย เราก็รู้ตามที่ทุกคนรู้ในข่าว (และเราได้ทำการอธิบายไปกับเพจข่าวนึงไปแล้ว (คิดว่าจะจบ!) แต่วันต่อมาก็ยังมีข่าวมาลงอีกเพจนึง ไม่จบไม่สิ้น!)
ที่พาดหัวข่าวว่า ไล่รื้อ จ่อรื้อ อะไรใดใดก็ตาม แต่ในเนื้อหา สรุปได้เพียงแค่ว่า “เข้ามาตรวจสอบว่าคดีร้านเรา ได้ยื่นร้องต่อศาลฎีกาหรือไม่” ? : คำตอบ คือ ยื่นแล้วค่ะ ! (ซึ่งถ้าต้องการทราบแค่นี้ ติดต่อมาถาม เรียกไปพบ ขอดูเอกสารก็ได้ แต่นี่ไม่ติดต่ออะไรมา และเอาไปลงข่าวเลยจ้าา)
เราเจอข่าวโจมตีแบบนี้ทุกปี ทำให้คนที่เห็นข่าวนี้บ่อยๆเกิดคำถามว่า – เห็นบอกจะปิด ไม่ปิดสักที เงินเยอะน่ะสิ นายทุนน่ะสิ เส้นใหญ่น่ะสิ : ฮัลโหลล ! อยู่กับความเป็นจริงนะ เจ้าของร้านคือพี่ชายเรา คนธรรมดาอายุ 26 เอาอะไรมาใหญ่กว่ากฎหมายอ่ะ งง ? แล้วถ้ามีแบล็คใหญ่จริง เราไม่โดนโจมตีแบบนี้บ่อยๆหรอก คิดนึดนึงเนอะ
และก็อย่างที่บอกว่าเรื่องอยู่ในศาล ตั้งแต่ปี 58 ถึงปัจจุบัน แต่เจ้าหน้าที่บางกลุ่ม ให้ข่าวกับนักข่าวบางสำนัก วนอยู่แบบนี้ซ้ำๆทุกปี มันเลยดูเหมือนว่า เราโดนไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป ทั้งที่จริงทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการของศาล ผู้มีอำนาจตัดสินสูงสุดอยู่ที่ศาล (ข้อนี้ท่านๆทั้งหลายที่มาคอยปั่นกระแสร้านเรา เขารู้ดีอยู่แล้ว)
ที่กล่าวๆมาทั้งหมด ก็เพียงเพราะอยากให้คนที่เข้าใจผิดต่อข่าวร้านเรา ได้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่ใช่สักแต่ว่าเห็นเพจใหญ่เอาข่าวไปลง ก็เชื่อแค่ตามพาดหัวข่าว
# ขอบคุณคนที่เข้าใจ #วันข้างหน้าจะได้อยู่ต่อหรือไม่ #เราจะชี้แจงเอง #เบื่อเต็มทีล่ะหาข่าวอื่นมาลงมั่ง #รอวันที่รื้อได้แล้วมาช่วยรื้อค่อยเอามาลงข่าวจะน่าสนใจกว่านี้นะ
อย่างไรก็ตามทางผู้สื่อข่าวในพื้นที่ได้ติดต่อคุณ Naris Sara เพื่อขอรับคำชี้แจงเพิ่มเติมทางอินบล็อกของ Messenger ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าไม่สะดวกจะพูดคุยทางโทรศัพท์ขอคุยทางอินบล็อก ซึ่งคุณ Naris Sara แจ้งว่าเป็นน้องสาวของเจ้าของร้านฯโดยชี้แจงว่า มุมมองอีกด้านก็ตามที่ได้โพสเลยค่ะ คือคดีร้านเรายังไม่ถึงที่สุด กำลังร้องศาลฎีกา มีเอกสารหลักฐานชี้แจงครบตามที่โพสต์หรือ แต่หากต้องการขอเอกสารเพิ่มขอปรึกษาทนายก่อน จากนั้นสักครู่คุณ Naris Sara กลับมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ทนายแจ้งว่าคดีอยู่ในขั้นตอนของศาลแล้ว เราไม่สะดวกให้เอกสารเกี่ยวกับคดีเพิ่ม ขอเป็นให้ทางคุณลบโพสข่าวนั้นหรือแชร์คำชี้แจงของหน้าเฟสหนูดีกว่าค่ะ เห็นสมควรยังไงพิจารณาตามความเหมาะสมได้เลยค่ะ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: