เพชรบูรณ์-โจ๋ลูกเจ้าของรีสอร์ทภูทับเบิก เมาซ่าอาละวาดทุบรถ นทท.บนภูทับเบิก เจอรุมสหบาทาอ่วม ตร.ตั้ง 3 ข้อหาเอาผิดฐานฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน,เมาแล้วขับ,ทะเลาะวิวาท (ชมคลิป)
วันที่ 7 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา เกิดเหตุชายวัยรุ่น อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าของรีสอร์ทบนภูทับเบิก ก่อเหตุเมาสุราอาละวาดทุบรถนักท่องเที่ยว โดยเหตุเกิดบริเวณลานจอดรถวิสาหกิจชุมชนบนยอดภูทับเบิก หมู่ที่ 16 ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ต่อมาทางตำรวจสายตรวจภูทับเบิกได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปในที่เกิดเหตุ แต่ปรากฎว่าโจ๋เมาแล้วหัวร้อนรายนี้ขับรถจักรยานยนต์กลับไปที่รีสอร์ท จนทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เกือบ 10 คน โกรธไม่พอใจจึงติดตามไปที่บ้านพักภายในรีสอร์ทของโจ๋รายนี้
แต่ปรากฏทางกลุ่มนักท่องเที่ยวระงับความโกรธไม่ไหว หลังเกิดปากเสียงกันขึ้น ในขณะที่ทางโจ๋ที่ก่อเหตุยังแสดงอาการขัดขืน นักท่องเที่ยวจึงพากันรุมทำร้ายชายวัยรุ่นรายนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีเพียงคนเดียวพยายามห้ามปราม ส่วนมารดาของวัยรุ่นได้พยายามเข้าช่วยเหลือลูกชาย โดยคว้าไม้กวาดไล่ตีกลุ่มวันรุ่นดังกล่าว จนเกิดการชุลมุนกันขึ้นก่อนที่ชายวัยรุ่นรายนี้จะถูกตำรวจควบคุมตัวออกไปจากจุดเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุได้มีเฟสบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “หน่วยช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวภูทับเบิก” ได้โพสต์คลิปวีดีโอเหตุการณ์ชายวัยรุ่นเสื้อเหลือง ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทบนภูทับเบิก ถูกกลุ่มนักท่องเที่ยวราว 10 คนรุมสหบาทาและชกต่อยวัยรุ่นหัวร้อนรายนี้ พร้อมระบุข้อความ “ด้วยวัยรุ่นนับ 10 รุมทำร่างกายที่รีสอร์ทไร่××× ภูทับเบิกจุดสูงสุดลูกเจ้าของรีสอร์ท จังหวัดเพชรบูรณ์ #ใครที่รุมหลักฐานชัดเจนไม่กลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ” นอกจากนี้หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ ทำให้ชาวโซเซียลรุมประณามโจ๋รายนี้และยังตำหนิกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้ความรุนแรง จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด เนื่องจากจังหวัดเพชรบูรณ์เริ่มผ่อนคลายล็อคดาวน์ให้โรงแรมรีสอร์ทต่างๆ เปิดดำเนินกิจการได้ แต่ล่าสุดมีรายงานว่าเฟสบุ๊กดังกล่าว ได้ลบโพสต์และคลิปวีดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวไปแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ธีรพงศ์ ผลนาค ผกก.สภ.หล่มเก่า กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาดำเนินคดีวัยรุ่นที่ก่อเหตุฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน, เมาแล้วขับ นอกจากนี้ยังตั้งข้อหาก่อเหตุทะเลาะวิวาทเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวทราบว่าเดินทางไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินคดีด้วยเช่นกัน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนกำลังหาข้อมูลว่ามีใครบ้างเพื่อเชิญมาให้ปากคำ เหตุการณ์นี้ไม่น่าเกิดขึ้นและไม่ควรมีการใช้ความรุนแรง โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและถึงกับสูญเสีย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: