เพชรบูรณ์เล็งล็อบบี้” พล.อ.ประวิตร-รมช.สันติ” แก้ที่ดินเขาค้อ-ภูทับเบิก ชงถอนสภาพป่าเป็นที่ดินราชพัสดุ ผู้ว่าฯชี้ตอบโจทย์แก้โรงแรมรีสอร์ทรุกป่าได้ดีกว่า”ทำคทช.-ขอใช้ม.16″
วันที่ 14 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ สั่งการให้คณะทำงานรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่ดินเขาค้อ-ภูทับเบิก-น้ำหนาว เดินทางเข้าพบนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในช่วงบ่ายของวันนี้(14 ก.ย.) เพื่อหารือถึงแนวทางผลักดันการแก้ปัญหาที่ดินเขาค้อ-ภูทับเบิก โดยเล็งใช้แนวทางกานงรเพิกถอนสภาพป่าเพื่อให้เปลี่ยนเป็นที่ดินราชพัสดุแทน หลังจากพบว่า 2 แนวทางเดิมในการแก้ปัญหาที่ดินโดยเฉพาะที่เขาค้อไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาโรงแรมรีสอร์ทกว่า 1,000 แห่งบนเขาค้อ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าและที่สำคัญต่างประกอบกิจการแบบผิดกฎหมายอีกด้วย นอกจากนี้ยังเตรียมล็อบบี้” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ซึกำหนดจะเดินทางมาเป็นประธานการประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำ ในวันที่ 17 กันยายนนี้ พร้อมร่วมประชุมติดตามการดำเนินงานของจังหวัดเพชรบูรณ์ในวันเดียวกันด้วย
ทั้งนี้รายงานแจ้งเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้นายสืบศักดิ์ได้ประชุมหารือกับหัวหน้าส่วนหรือผู้แทนส่วนราชการในจังหวัดฯ กระทั่งได้ข้อสรุปโดยเพิ่มเติมแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินนี้ว่า คทช.เขาค้อหากจัดให้ราษฎรอาสมัคร(รอส.) 595 รายอย่างเดียวก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และหากจะให้โรงแรมขอตามมาตรา 16 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติตามระเบียบของกรมป่าไม้ก็ไม่ให้ทำโรงแรมรีสอร์ทก่อนการขออนุญาต หากระเบียบนี้แก้ไขไม่ได้ต้องหาช่องทางอื่น เช่น มอบให้กรมธนารักษ์ไปโดยที่ดินก็ยังเป็นที่ดินของรัฐเหมือนเดิม ส่วนปัญหาภูทับเบิกก็เช่นเดียวกันว่า ถ้ายังเป็นที่ดินของ พม.ก็สร้างโรงแรมไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่ป่าและต้องขออนุญาตกรมป่าไม้ซึ่งการยื่นขอแต่ละครั้งใช้เวลานานเพราะเป็นระเบียบ
“ฉะนั้นการให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวและพื้นที่พิเศษก็ต้องไปเรียนกับ รมช.สันติ(พร้อมพัฒน์)และพล.อ.ประวิตร(วงษ์สุวรรณ) ขอให้ออกพระราชกฤษฏีกาถอนสภาพป่าภูทับเบิกให้เป็นที่กรมธนารักษ์ เพื่อทำโรงแรมรีสอร์ทได้เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่รมช.สันติอยู่กระทรวงการคลัง หากไม่คว้าโอกาสนี้ชาติหน้าก็ไม่ต้องทำแล้ว”นายสืบศักดิ์กล่สว
ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ยังกล่าวด้วยว่า เขาค้อกรมปาไม้จะทำ คทช. 500 กว่ารายแต่คนอยู่เป็นแสนชาติหน้าก็ไม่จบ ก็ถอนสภาพป่าจะได้จบ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเป็นแหล่งเศรษฐกิจ ฉะนั้นหาก 2 แห่งนี้เป็นที่ดินราชพัสดุให้หมดปัญหาก็จบไปเลย ส่วน คทช.ก็ทำต่อไปหากใครอยากได้ก็ว่าไป
จากนั้นก่อนจบวาระประเด็นนี้นายสืบศักดิ์ยังกล่าวย้ำด้วยว่า “กรณีเขาค้อ-ภูทับเบิก ไม่ใช่กรณีเอาป่าไปขายนะขอย้ำ ชอบพูดผู้ว่าฯเอาป่าไปขายกันเหลือเกิน เป็นกรณีที่คนอยู่ในป่าอย่างนี้มานานแล้ว ที่อื่นได้รับการแก้ไขแต่ที่นี่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ต้องการทำให้ถูกต้องไม่ใช่ราษฎรบุกรุกป่า เมื่อไม่มีกินก็ต้องขาย ก็ต้องเข้าใจสภาพข้อมูลเดิมจะมาใช้กับปัจจุบัน ส่วนข้อมูลปัจจุบันผมทำเรียบร้อยแล้ว กี่คนกี่ไร่ทำหมดแล้ว”
ภาพจากแฟ้มข่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: