เพชรบูรณ์-“อาจารย์ชา”เจ้าของโปรเจ็กต์ยักษ์ชุมชนธะธรรมชาติ ย้ำหากผิดให้เพิกถอนโฉนดเลยแต่อย่าสร้างกระแส เผยรำคาญถูกจนท.หลายคณะตรวจโฉนดที่ดินภูขี้ไก่ ขู่ปรึกษาทนายหลังเริ่มได้รับผลกระทบ
วันที่ 30 ตุลาคม นายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ “อาจารย์ชา” ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะเจ้าหน้าที่นำโดย พ.อ.พิเศษ พงษ์เพชร หน.ชป.ศปป.4 กอ.รมน. เข้าตรวจสอบพื้นที่โครงการชุมชนธะธรรมชาติ บริเวณภูขี้ไก่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ก็ได้แจ้งกับคณะเจ้าหน้าที่ไปว่าหากมีการตรวจสอบแล้วอาจารย์ต้องการขอหนังสือหรือใบตรวจสอบด้วย เพราะขี้เกียจรำคาญแล้วมาไม่รู้กี่พวกและตรวจสอบกันไปไม่รู้กี่คณะแล้ว และหากผิดก็ยกเลิกไปเลย แต่หากยังไม่ยกเลิกก็อย่ามาสร้างกระแส เพราะทำให้เสียหายเหมือนอาจารย์เป็นผู้บุกรุกทำลายป่า ทั้งๆที่ต้องการให้ที่ดินมีเคยแห้งแล้งกลับมามีความสมบูรณ์ โดยทุกอย่างที่ทำก็เพื่อต้องการทำการเกษตรให้ได้และทำโครงการผักปลอดสารพิษ
นายอนัตต์ณังธะโคตรกล่าวถึงการเสนอเพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณนี้เพราะตรวจสอบพบมีการออกโดยมิชอบว่า หากจะถามอาจารย์ก็ไม่รู้ว่าจะมีการเพิกถอนหรือไม่ แต่ขณะที่อาจารย์ทำยังไม่มีการเพิกถอน และการที่มีการตรวจสอบกันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็คือเพิกถอนไม่ได้ เพราะไม่มีการฟ้องหรือคำสั่งให้เพิกถอน แต่หากเจ้าหน้าที่จะทำเรื่องก็ให้ทำไป ฉะนั้นคนที่มีอำนาจตรงนี้ก็คงไปพิจารณาเองว่าจะเพิกถอนหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่เพิกถอนและอย่ามาสร้างกระแสให้เราเสียหายคงไม่ได้ ถ้าเพิกถอนแล้วอาจารย์ยังทำอยู่อีกแบบนั้นถือว่าเราผิด
ข่าวน่าสนใจ:
อาจารย์ชากล่าวว่า ในการเพิกถอนโฉนดนั้นได้พยายามเช็คไปแล้ว ซึ่งจริงๆแล้วในส่วนลึกๆไม่ได้มีการฟ้องร้องเพิกถอนและไม่มีคำสั่งเพิกถอน ก็ต้องไปเช็คดูว่าจริงอย่างนี้ไหมแต่ว่า หากตรงไหนจะเพิกถอนให้ประกาศเลยว่าจะเพิกถอน ทางเราจะได้ฟ้องร้องได้เพราะเราเสียภาษี เรามาซื้อและคุณออกโฉนดมาเองแล้วคุณเพิกถอนเองอย่างงี้เราก็เสียหาย แต่ถามไปถามมาทุกอย่างไม่มีเพิกถอนไม่มีคำสั่งมา แล้ววันนี้ทางที่ดินก็บอกใช่หรือไม่ว่าไม่มีคำสั่งเพิกถอนจริง เรื่องนี้น่าจบไปแล้วแต่ตอนนี้กำลังมีการสร้างเรื่องใหม่เพื่อจะพิจารณากันใหม่ แต่จะพิจารณากันใหม่ก็พิจารณาไป
อาจารย์ชากล่าวว่า ตอนนี้กำลังปรึกษาทนายอยู่เพราะเริ่มทำให้อาจารย์เสียหาย ส่วนการจะมีการเพิกถอนกันอย่างไรหรือไม่นั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางบ้านเมืองไป หากมีคำสั่งมาก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว แต่ต้องมีเหตุผลว่าเพิกถอนด้วยอะไรเป็นแบบไหน แต่ในขณะที่ยังไม่มีการเพิกถอนอาจารย์ก็ยังลงทุนต่อ เพื่อจะเดินไปถึงจุดที่สมบูรณ์ มีธรรมชาติและน้ำใช้มีผักปลูกได้และทำเกษตรอินทรีย์ให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรและพื้นที่ตรงนี้ตามข่าวเหมือนเป็นป่า แต่จริงๆแล้วเป็นแปลงที่มีการปลูกข้าวโพดอยู่ก่อนแล้ว เป็นที่ดินที่ปลูกอะไรไม่ได้เพราะไม่มีน้ำหากเป็นป่าก็ป่าเสื่อมโทรม ทีแรกอาจารย์ก็เฉยๆคิดว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะทำอะไรก็ทำไป แต่มาถึงวันนี้และจุดนี้เหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: