เพชรบูรณ์-โซเชียลรุมถล่ม! เพจ สคล.เพชรบูรณ์ ใช้ภาษาไม่เหมาะสม หลังโพสต์ต้านเยาวชนนำเงินพ่อแม่ซื้อเหล้า-เบียร์
วันที่ 8 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดกระแสโซเชียลร้อนระอุ ในกลุ่มสื่อโซเซียล จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังจากเพจสคล.จังหวัดเพชรบูรณ์ (สำนักงานเครือข่ายงดเหล้าจังหวัดเพชรบูรณ์) ซึ่งโพสต์ภาพการเปิดลานเบียร์แฝงภายในงานงิ้วประจำปีของอำเภอหนึ่งในจ.เพชรบูรณ์ พร้อมข้อความเชิงคำถามว่า “ได้เงินพ่อแม่มา เอาไปซื้อเบียร์ เราควรส่งเสริมลูกหลานเรากันแบบนี้หรือ?” จนทำให้ชาวโซเซียลเกิดกระแสไม่พอใจ ที่แอดมินใช้ภาษาสื่อสารไม่สร้างสรรค์และยังตอบคำถามยียวนไม่เป็นประโยชน์ จนมีการรุมตำหนิกระทั่งกลายเป็นกระแสทัวร์ลง แถมเป็นการเชิญแขกให้เข้ามารุมวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย
สำหรับความเม้นท์ของชาวโซเซียลที่รุมตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์ บางรายต่อว่าแอดมินว่า “เขาไปขอเงินคุณรึไง พ่อแม่เขาย้งไม่เดือดร้อนเลย” พร้อมท้าทายด้วยว่า “หากจะมาวิจารณ์คนอื่นแบบนี้แนะนำสั่งไม่ให้มีกิจกรรมแบบนี้เลยสิ ทำได้ไหมหรือสั่งงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปเลย” นอกจากนี้มีผู้แสดงคอมเม้นท์บางรายชี้ว่า “ของแบบนี้ควบคุมไม่ได้ 100%หรอก”และแนะนำทางเพจถึงการโพสต์แบบนี้เหมือนเป็นการแซะมากกว่า” ในขณะที่บางรายสอบถามว่า “เพจนี้เป็นของหน่วยราชการหรือไม่”และติดนำให้ปิดเพจไปเลยดีกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็มีชาวโซเชียลเข้าใจความหวังดีของทางเพจที่มาเตือน โดยโพสต์ชี้แนะว่า “หาเงินเองไม่ได้ดีแต่แบมือขอ ยังจะมาทัวร์ลงเพจเค้าอีกหรอ”
อย่างไรก็ตาม 1 ในแอดมินเพจ สคล.จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงว่า การโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าว เพื่อเป็นการกระตุกสังคม เพราะปัจจุบันพบว่า ยังมีการกระทำผิดกฎหมายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนอายุไม่ถึง 20 ปี โดยภาพนี้เป็นลานเบียร์ที่แอบแฝงเปิดจำหน่ายในงานงิ้วในอำเภอหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีรายงานจากเครือข่ายว่ามีผู้ประกอบการและร้านค้าอีกหลายรายและในหลายอำเภอของจ.เพชรบูรณ์ ที่มักง่ายไม่รับผิดชอบต่อสังคม โดยจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เยาวชน ซึ่งไม่เพียงทำผิดกฎหมายแล้วยังทำให้เกิดวงจรอุบาทย์ในการสร้างนักดื่มหน้าใหม่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
แอดมินเพจ สคล.จังหวัดเพชรบูรณ์ยังกล่าวย้ำด้วยว่า หากมองว่าเป็นการใช้ภาษาไม่เหมาะสมก็ต้องขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย แต่ด้วยเจตนาจริงๆ ของทางเพจต้องการกระตุ้นสังคมและผู้ปกครองให้หันกลับมาใส่ใจ และช่วยกันแก้ปัญหาเหล่านี้ รวมทั้งกระตุ้นให้หน่วยราชการที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ได้เข้าไปกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ใช่ปล่อยละเลยทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันแบบนี้
