เพชรบูรณ์-ปธ.สภาทนายความฯเพชรบูรณ์ แนะฟ้องนทท.ติดโควิดเป็นคดีตัวอย่าง ชี้ปชช.-ผู้ประกอบการแจ้งเอาผิดได้ ส่วนรีสอร์ทหากละเลยหรือรู้เห็น ต้องร่วมรับผิดชอบเช่นกัน
วันที่ 4 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในจังหวัดเพชรบูรณ์ กรณีไทม์ไลน์นักท่องเที่ยวจ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง(พื้นที่ควบคุมสูงสุด) โผล่เที่ยวเขาค้อและพักค้างคืนจัดสังสรรค์เคาท์ดาวน์กับเพื่อนๆที่รีสอร์ทภูทับเบิก หลังเดินทางกลับพบว่าติดเชื้อโควิด-19 กระทั่งชุดปฏิบัติการควบคุมโรคต้องเร่งเคลียร์ทำความสะอาด สอบสวนโรคและเก็บตัวเชื้อผู้เสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อพร้อมให้แยกกักตัวสังเกตอาการ 14 วัน จนชาวเพชรบูรณ์ตั้งข้อสงสัยถึงนักท่องเที่ยวติดเชื้อรายนี้พร้อมพวกเล็ดรอดเข้ามาเที่ยวกินพักค้างที่แหล่งท่องเที่ยวที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดได้อย่างไร และเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้เอาผิดกับนักท่องเที่ยวรายนี้ รวมทั้งทางผู้ประกอบการรีสอร์ท หากพบข้อเท็จจริงว่าเพิกเฉยหละหลวมไม่ปฏิบัติตามมาตรการหรือประกาศคำสั่งจังหวัดฯ หรือรู้เห็นปล่อยให้นักท่องเที่ยวจากพื้นที่สีแดงเข้าพัก
ล่าสุดนายบัณฑิต ศรีวิไล ประธานสภาทนายความจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า กรณีนี้หากข้อเท็จจริงปรากฎตามไทม์ไลน์จริง ก็ต้องถือว่านักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อและพวกที่ลักลอบเดินทางมาที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ฝ่าฝืนคำสั่งประกาศจังหวัดฯที่ให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่สีแดงโดยเฉพาะจ.สมุทรสาคร ต้องรายงานข้อมูลการเดินทางให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และมีความผิดตามพรบ.สถานการณ์ฉุกเฉินและพรบ.โรคติดต่อแล้ว ฉะนั้นทางจังหวัดโดยเฉพาะเจ้าพนักงานหน้าที่ตามพรบ.นี้ จะต้องแจ้งกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีให้เป็นกรณีตัวอย่าง ส่วนผู้ประกอบการหากรู้เห็นเป็นใจหรือเพิกเฉยไม่ทำตามมาตรการทางสาธารณสุขก็มีความผิดหรือร่วมรับผิดชอบด้วยเช่นกัน
ข่าวน่าสนใจ:
“เคสนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกเพราะก่อนหน้านี้ก็มีกรณีของสาวนักท่องเที่ยว ซึ่งมีประวัติเข้าไปในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และมาเที่ยวพักค้างคืนที่ภูทับเบิกหลังจากกลับไปก็พบว่าติดเชื้อโควิด จนทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจจังหวัดค่อนข้างมาก แต่แค่ระยะเวลาราว 2 สัปดาห์ก็มีเคสนักท่องเที่ยวจากสมุทรสาครอีกราย จู่ๆ มีไทม์ไลน์ระบุว่ามาเที่ยวเพชรบูรณ์และแวะไปที่วัดดังในเขตอ.เขาค้อและไปพักค้างคืนมีกิจกรรมเคาน์ดาวน์สังสรรค์กันทร่รีสอร์ทบนภูทับเบิก หลังกลับไปและเข้าตรวจในโรงพยาบาลเอกชนจนพบติดเชื้อ-19 ซึ่งเหมือนเป็นการฉายหนังรอบ 2 ฉะนั้นจึงต้องมาทบทวนหรือถอดบทเรียนว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนเพื่อไม่ให้เกิดเคสแบบเดียวกันนี้เป็นรายที่ 3 หรือรายที่ 4 ตามมาอีก”ประธานสภาทนายความฯเพชรบูรณ์กล่าว
นายบัณฑิต กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการรีสอร์ทกรณีที่อาจจะกล่าวอ้างว่า ถูกนักท่องเที่ยวโกหกหรือปกปิดข้อมูลไม่ได้มาจากจังหวัดเสี่ยงนั้น เหตุผลแค่นี้คงไม่พอเพียงเพราะสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในสภาวะไม่ปกติ และจังหวัดก็มีคำสั่งประกาศชัดเจนฉะนั้นจำเป็นต้องตรวจสอบเอกสารหลักฐาน โดยเฉพาะบัตรประจำตัวประชาชนลูกค้าที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นในเคสนี้ทางพนักงานเจ้าหน้าที่จึงต้องนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน ส่วนเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายหากพบว่า หละหลวมเพิกเฉยก็ต้องถูกพิจารณาโทษเช่นเดียวกัน
นายบัณฑิต กล่าวว่า สำหรับในเคสนี้ประชาชนและผู้ประกอบการอื่นๆ ก็สามารถเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวรายนี้ได้เช่นเดียวกัน แต่หากต้องการความช่วยเหลือจากสภาทนายความจังหวัดฯ หรือต้องการคำปรึกษาหารือในข้อกฎหมาย สามารถยื่นขอความช่วยเหลือผ่านทางสภาทนายความจังหวัดเพชรบูรณ์ หรือสามารถติดต่อตนในฐานะประธานสภาทนายความจังหวัดฯ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-8864968
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: