เพชรบูรณ์-พิษโควิด! ผักราคาวูบกิโลละบาท พ่อค้าคนกลางไม่รับซื้อ ชาวบ้านตัดใจไม่ตัดขาย-ปล่อยทิ้งทั้งแปลง
วันที่ 5 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 2 ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มการแพร่กระจายเชื้ออย่างต่อเนื่อง ได้สร้างผลกระทบไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะชาวบ้านที่ประกอบอาชีพปลูกผักขาย ล่าสุดจำเป็นต้องปล่อยทิ้งแปลงผักคะน้า สาเหตุเพราะพิษโควิดทำให้ไม่มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อเหมือนเฉกเช่นปกติ และหากชาวบ้านจะตัดเองต้องจ้างแรงงานมาตัดเพื่อนำไปส่งขายที่ตลาดกลางเองก็ไม่คุ้มค่า จึงจำเป็นต้องยอมตัดใจปล่อยทิ้งแปลงปลูกผักคะน้าและผักกาดขาว (ลุ้ย) ดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ยังหวาดผวากลัวไปติดเชื้อโควิดจนนำมาแพร่ให้แก่ครอบครัวด้วย
โดยเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ “กำนันพัน นาเกาะ” ได้โพสต์ภาพแปลงผักคะน้าพร้อมข้อความ “ข้อความโควิดมันโหดร้ายสงสารชาวบ้านทำผักแล้วก็ต้องทิ้งไม่ได้ขายเลยชักนิด” ซึ่งปรากฎว่าได้มีเพื่อนสมาชิกแห่คอมเมนท์แสดงความสงสารและเห็นใจชาวบ้าน นอกจากนี้ยังแซวให้เจ้าของเฟสบุ๊กซึ่งเป็นกำนันตำบลนาเกาะ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ช่วยรับซื้อ ในขณะที่สมาชิกบางรายเสนอให้นำมาขายที่หน้าบ้านพักนายอำเภอซึ่งให้ประชาชนมาขายทุกวัน แต่ต้องเป็นผักปลอดภัย-ผักออแกนิค
อย่างไรก็ตามนายมนัญชัย ศรีสุข กำนันตำบลนาเกาะ อ.หล่มเก่า เจ้าของเฟสบุ๊ก”กำนันพัน นาเกาะ” กล่าวว่า ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด.ทำให้พ่อค้าแม่ค้าคนกลางซึ่งปกติจะมารับซื้อพืชผักชาวบ้านที่แปลงปลูกผักไม่มีใครออกมารับซื้อ เพราะพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ก็ไม่สามารถจะนำผักไปส่งที่ตลาดผัก อาทิ ที่ตลาดสี่มุมเมืองได้ ทำให้ราคาตกฮวบโดยเฉพาะผักคะน้าและผักกาดขาว(ลุ้ย)เหลือแค่กิโลละ 1 บาท ชาวบ้านเองก็ไม่ตัดขายเพราะไม่คุ้มจึงจำเป็นต้องปล่อยทิ้งอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตามล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ นายบัณฑิต พจี ปลัดอำเภอหล่มเก่าได้ลงพื้นที่สำรวจแปลงปลูกผักที่หมู่ 5 บ้านห้วยแล้ง โดยการนำของกำนันตำบลนาเกาะ เบื้องต้นพบว่ามีชาวบ้านราว 3 รายเนื้อที่เพาะปลูกผักคะน้าราว 5 ไร่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ในการสำรวจดังกล่าวนั้นนายบัณฑิตได้แนะนำให้ชาวบ้านควรแจ้งข้อมูลต่อทางเกษตรตำบลไว้ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลหากทางรัฐบาลมีมาตรการช่วยเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากภัยโควิด นอกจากนี้นายบัณฑิตยังรายงานให้ทางผู้บังคับบัญชารับทราบด้วย
