เพชรบูรณ์-“เจ้าของรีสอร์ดังเขาค้อ” ตั้งป้ายยักษ์ชวนปชช. ร่วมต้าน”เปลี่ยนป่าสงวนฯ เป็นที่ราชพัสดุ เอื้อนายทุน-นักการเมือง ใช้เขาค้อเป็นโมเดลฮุบป่าโดยไม่ผิดกฎหมาย” แถมงัดรูปแฉรีสอร์ทใหญ่กำลังเร่งผุดหลายแห่ง (ชมคลิป)
เวลา 12.00 น.วันที่ 16 พฤษภาคม นายประสม ประคุณสุขใจ กรรมการผู้จัดการบริษัทเมาเทนพาร์คอินเตอร์เนชั่นแนล กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ทจำกัด และจ้าของรีสอร์ทชื่อดัง “เมาเทนพาร์ค” เขาค้อ นำพนักงานลูกจ้างเกือบ 10 คน ทำการติดตั้งป้ายยักษ์ขนาดยาว 25 เมตรกว้าง 5 เมตร บริเวณหน้ารีสอร์ทฯ ริมถนนทางหลวงหมาย 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยบนแผ่นป้ายไวนิลยักษ์ดังกล่าว มีข้อความระบุว่า “ร่วมกันต้านผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ ที่ขอให้ครม.เปลี่ยนป่าสงวนแห่งชาติเป็นที่ราชพัสดุ เพื่อให้นายทุนและนักการเมืองใช้เขาค้อเป็นโมเดล ช่วยนักการเมืองที่รุกป่าถือครองที่ป่าโดยไม่ผิดกฎหมาย เชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมปกป้องผืนป่า ป่าสงวนเป็นของประชาชนทั้งประเทศ” โดยมีรูป “นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง, นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ อดีตผู้ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และนายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ราชการจังหวัดเพชรบูรณ์” อยู่บนแผ่นป้ายยักษ์ดังกล่าว
นอกจากนี้ยังนายประสมยังทำการแขวนป้ายไวนิลขนาดความยาว 10 เมตรและกว้าง 2 เมตร ที่บริเวณหน้าซุ้มประตูทางเข้าทางรีสอร์ท และยังใช้รถเคลนทำการแขวนป้ายขนาดความยาว 6 เมตรกว้าง 1.2. บนริมถนน โดยป้ายทั้งสองมีข้อความและรูปภาพ รมช.คลัง, อดีตผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ แบบเดียวกันกับป้ายยักษ์ จนทำให้เกิดเสียงฮือฮาในทำนองเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้เป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ในขณะที่ผู้ที่เดินทางสัญจรผ่านไปมาต่างพากันแปลกใจ ในขณะที่มีบางรายถึงกับจอดรถบริเวณข้างทาง จากนั้นงัดกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายบันทึกไว้ สำหรับการป้ายยักษ์ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
นายประสม ประคุณสุขใจ กล่าวว่า ป่าสงวนฯเป็นสมบัตืของประชาชนทั้งประเทศ แล้วผู้ว่าฯจะเพิกถอนป่าสงวน เพื่อให้นายทุนที่บุกรุกป่าได้กรรมสิทธิที่ดิน โดยไม่ผิดกฎหมาย จึงมาปลุกกระแสสังคมต้องการให้ทุกคนรับรู้และออกมาช่วยกันปกป้องผืนป่า เพราะตั้งแต่อดีตผู้ว่าฯสืบศักดิ์มีหนังสือเข้าครม.ไป 2 สองฉบับ และเมื่อผู้ว่าฯกฤษณ์มาก็มีหนังสือไปเมื่อวันที่ 10 ต.ค.64 อีกฉบับ ตอนนี้ก็ให้นายอำเภอเขาค้อไปสำรวจที่ดินเพื่อให้ครม.ยกเลิกป่า เบื้องหลังเพื่อให้นายทุนและนักการเมืองและข้าราชการซึ่งมีแทบทุกที่สีเข้าถือครอง
“กล้าทำกันได้อย่างไร ป่าเป็นของคนทั้งประเทศ เพื่ออะไรทำให้กับนักการเมือง ให้ผู้บุกรุกป่าได้ที่ดินไปโดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่รู้เอาสามัญสำนึกที่ไหนมาคิด ป่าสงวนเป็นของประชาชนทั้งประเทศ การจะเพิกถอนป่าสงวนต้องเป็นประโยชน์แห่งรัฐไม่ใช่ประโยชน์นายทุนหรือนักการเมือง ที่ฟังมามีใหญ่กว่านั้นที่ต้องการเอาโมเดลเขาค้อ ไปจัดการที่ป่าที่นักการเมืองบุกรุกไว้ทั้งหมดไปจัดการให้ถูกต้องเหมือนเขาค้อ หากผมไม่ออกมาปกป้องผืนป่าทั้งหมดคงไม่เหลือ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีก็รับปากว่าจะจัดการ แล้วก็จัดการจริงๆมีการออกคำสั่งคสช.ที่ 6/2562 ให้จัดการดำเนินคดีโรงแรมรุกป่า แต่ปรากฎว่ามีการบิดเบือนคำสั่งและยังจะมาเพิกถอนป่าเพื่อให้นายทุน โดยมีนักการเมืองและข้าราชการแทบทุกสีต่างมีเอี่ยวอยู่เบื้องหลัง”นายประสมกล่าวย้ำ
นายประสมกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้แจ้งความดำเนินการมาตรา 157 กับอดีตผู้ว่าและผู้ว่าไป 4 คนซึ่งงทางปปช.ได้มีการสอบสวนตนไปแล้ว นอกจากนี้ยังแจ้งดำเนินคดีกับอดีตนายอำเภอและนายอำเภอเขาค้ออีก 4 คน รวมทั้งยังแจ้งเนินคดีกับอดีตนายอำเภอหล่มเก่าและนายอำเภอหล่มเก่าอีก 4 คน ก็เรียนว่ากฎหมายไม่มีข้อยกเว้นและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติไม่มีอายุความ
กรรมการผู้จัดการบริษัทเมาเทนพาร์คฯ ยังอ้างด้วยว่า “เรื่องนี้ตนเคยคุยกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้วก็ยอมรับ และหลังมีการออกคำสั่งคสช.มา ทางกระทรวงมหาดไทยก็ออกกฎกระทรวงมาอีก แต่ก็ยังมีการบิดเบือนคำสั่งไม่รู้เป็นความเลวร้ายที่มีราชการผู้ใหญ่ระดับจังหวัดบางคน ที่ไม่คิดถึงพี่น้องประชาชน ยิ่งตอนนี้เขาค้อกำลังมีการก่อสร้างรีสอร์ทใหญ่ๆ อีกหลายแห่ง ตนเพิ่งได้รับข้อมูลมาไม่ว่าจะเป็นทางขึ้นกังหันลมและยังมีจุดอื่นๆอีก ต้องถามว่านายอำเภอตาบอดหรือเปล่า ที่ปล่อยให้สร้างมาได้ถึงขนาดนี้
จากนั้นนายประสมยังงัดโทรศัพม์มือถือขึ้นโชว์พร้อมเปิดภาพสิ่งปลูกสร้าง โดยอ้างว่า เป็นรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนเขาค้อ โดยมีโครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งนายประสมคาดว่า น่าจะเป็นอาคารคอนกรีตไม่ต่ำกว่า 3ชั้น พร้อมยังกล่าวย้ำด้วยว่า “เป็นภาพที่มีผู้ที่ส่งมาให้สดๆเมื่อเช้านี้ และยังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่เช่นกัน ซึ่งนายทุนเหล่านี้เร่งสร้างและบุกรุกป่าไว่ก่อน เพราะทราบดีว่าผู้ว่าฯ กำลังผลักดันให้เพิกถอนป่า ก็เลยต้องบุกรุกและเร่งก่อสร้างไว้ก่อน หากพอเพิกถอนป่าแล้ว นายทุนเหล่านี้ก็จะได้ครอบครองป่าและที่ดินโดยถูกต้อง รวมทั้งเป็นเจ้าของโรงแรมรีสอร์ทโดยไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย”
“ต้องเรียนว่ากฎหมายโรงแรมถ้าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ ไม่ว่าจะได้เช่าตามมาตรา 16 พ ร.บ.ป่าสงวนฯ หรือดารได้ครองที่ดิน คทช.แปลงรวม ก็ไม่สามารถจะจดทะเบียนโรงแรมได้ สำคัญที่สุดผู้ที่มาบุกรุกทำโรงแรมที่เขาค้อราวร้อยละ 90 เป็นคนต่างถิ่นทั้งนั้นไม่ใช่คนเขาค้อ และคนเหล่านี้บางส่วนก็ครอบครองที่ดินหลายร้อยไร่ และบางรายยังทำธุรกิจค้าที่ดินบนเขาค้อ แต่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ ในขณะที่ปัจจุบันนี้นายทุนเหล่านี้หลายรายยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมโดยปกติ ไม่มีอะไรจะเงื้อมมือไปแตะต้องได้ เพราะเบื้องหลังมีทั้งนักการเมืองและข้าราชการ-อดีตข้าราชการบิ๊กๆ แทบทุกสีมีเอี่ยวหรือหนุนหลังอยู่”นายประสมกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: