เพชรบูรณ์-เรือนจำฯ เพชรบูรณ์ มอบรางวัลนำจับ 1 แสน ให้กลุ่มพลเมืองดี แจ้งข้อหา 4 ผู้ต้องขังแหกคุกเพิ่ม
เวลา 10.00 น.วันที่ 21 กรกฎาคม ที่เรือนจำเรือนเพชรบูรณ์จังหวัดเพชรบูรณ์ นางละออง อยู่ยั่งยืน ผบ.เรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมนายวิรัตน์ พร้อมน้อย ผอ.ส่วนควบคุมฯและคณะ ได้มอบเงินรางวัลนำจับจำนวน 100,000 บาทให้แก่กลุ่มพลเมืองดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยช่วยแจ้งเบาะแส 4 ผู้ต้องขังแหกคุกเรือนจำด้วยการปีนกำแพงหลบหนี จนนำไปสู่การจับกุมได้เป็นผลสำเร็จ โดยเงินรางวัล 100,000 บาท ได้ถูกพิจารณาจัดแบ่งออกเป็น 6 ส่วน เพื่อมอบให้แก่พลเมืองดีรวม 6 กลุ่มเท่า ๆ กัน โดยพลเมืองเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งช่วยแจ้งเบาะแสและยังช่วยเกลี้ยกล่อมให้ผู้ต้องขังมอบตัว ในขณะบางรายร่วมกันลงมือจับกุมผู้ต้องขังด้วยตนเองได้เข้ารับมอบเงินดังกล่าว โดยมีสื่อมวลชนร่วมสังเกตุการณ์ด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนมอบเงินรางวัลฯ นางละอองพร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมประชุมพร้อมทำการชี้แจงกลุ่มพลเมืองดี โดยนางละออง กล่าวชี้แจงว่า เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังกลุ่มนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาคดียาเสพติดมีของกลางจำนวนมาก บางรายโทษอาจ 30 ปีขึ้นไปถึงประหารชีวิต เพราะฉะนั้นจึงต้องติดตามตัวให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้กิดความเสียหายไปทำร้ายใครจนเกิดความสูญเสีย จนพยายามปิดจ๊อบให้เร็วที่สุดจึงมีการประกาศให้เงินรางวัลนำจับผู้ต้องขังทั้ง 4 คนได้จำนวน 100,000 บาท และเงินรางวัลจำนวนนี้เป็นการลงขันจาก ผบ.เรือนจำเขต 6 พร้อมเจ้าหน้าที่ มิได้เป็นเงินจากทางราชการแต่อย่างใด จากนั้นนางละอองกล่าวแสดงความขอบคุณกลุ่มพลเมืองดีเหล่านี้พร้อมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอีกด้วย
ข่าวแจ้งว่า ระหว่างการประชุมชี้แจงไดเมีพลเมืองดีบางกลุ่ม แจ้งกลางที่ประชุมโดยขอสละสิทธิไม่ขอรับเงินรางวัลดังกล่าว โดยพลเมืองดีที่แสดงเจตนารมย์สละสิทธิไม่รับเงินรางวัลแจ้งยืนยันด้วยว่า ทางเจ้าของร้านฯ กำชับมาให้คืนเงินรางวัลในส่วนที่จะมอบให้แก่ทางเรือนจำฯ โดยเจ้าของร้านยินดีจะเป็นผู้มอบเงินรางวัลส่วนนี้ให้เอง จากนั้นจึงขออนุญาตออกจากที่ประชุม ทำให้ที่ประชุมตกลงเห็นพ้องว่า จะกันเงินรางวัลในส่วนดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อจะติดต่อมอบในภายหลังจนกว่าจะได้รับการยืนยันถึงการสละสิทธิอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีรายงานแจ้งด้วยว่า ทางเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ดำเนินการเข้าแจ้งความต่อพนักงาน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อกล่าวโทษ 4 ผู้ต้องขังเพิ่มเติมในข้อหาทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 190 ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
