เพชรบูรณ์-ปมร้องออกนสล.โคกตาดคลาดเคลื่อน อดีตกำนันฯยันกลางวงประชุมกมธ.ป.ป.ช. ไม่เคยเซ็นชื่อ-นำชี้ออก นส.ล.1,977ไร่ แต่ลายเซ็นโผล่ในเอกสารฟ้องศาล (ชมคลิป)
วันที่ 19 มกราคม ผู้สือข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร โดยนายสุทา ประทีป ณ ถลาง รองประธานฯ, นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกฯ, นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เลขานุการฯ ร่วมประชุมกับนายอำนาจ แย้มศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และคณะหัวหน้าส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ที่ศาลากลางจังหวัดเพขรบูรณ์ เพื่อรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีราษฎรในพื้นที่ ต.นางั่วและต.ป่าเลา อ.เมืองฯ จ.เพชรบูรณ์ ร้องเรียนถูกเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีอาญาข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ (แปลงโคกตาด) โดยมีตัวแทนและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมประชุมด้วย
ทั้งนี้ กมธ.ป.ป.ช.ได้หยิบยกประเด็นข้อสงสัย อาทิ ขบวนการขั้นตอนการออก นส.ล.ที่ พช.159 วันที่ 13 มี.ค.2541 เนื้อที่ 1,977 ไร่เศษ อยู่ในกรอบที่ดินสาธารณประโยชน์แปลงป่าโคกตาด ตามที่กระทรวงมหาดไทยขึ้นทะเบียนไว้เมื่อปี 2469 เนื้อที่ 10,000 ไร่หรือไม่, การขีดฆ่าแก้ไขระวางรูปถ่ายทางอากาศเดิม แล้วเขียนใหม่มีผลทำให้ตำแหน่งที่ตั้ง นส.ล.ดังกล่าว ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมหรือไม่ ให้ทางซีกฝ่ายราชการที่เกี่ยวข้องชี้แจง ส่วนทางฝ่ายชาวบ้านยังรวบรวมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ อาทิ เอกสารมติการประชุมสภาตำบลป่าเลาปี 2528 ปักปันแนวเขตที่ดินสาธารณประโยชน์โคกตาดใหม่ พร้อมแผนที่ภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ แสดงแนวเขตที่ดินแปลงโคกตาดเดิม และแนวเขต นส.ล.ที่รังวัดออกเมื่อปี 2541 จัดทำเมื่อปี 2553 โดยนาวาอากาศโทงามเพ็ญวงศ์ วงศ์วัฒนะ นายทหาร วิเคราะห์และพัฒนาระบบ ศูนย์ข้อมูลทางแผนที่ กรมแผนที่ทหาร มอบให้กมธ.ด้วย
ข่าวน่าสนใจ:
โดยในที่ประชุมนายธีรัจชัยยังจี้ถาม นายฟื้น เกตุแฟง อายุ 83 ปี อดีตกำนันตำบลป่าเลาปี 2538-2547 กรณีที่ไปแจ้งความที่สภ.เมืองเพชรบูรณ์เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2564 โดยปฎิเสขไม่ได้นำชี้รังวัดออก นส.ล.ที่พช.159 วันที่ 13 มี.ค.2541 และปฎิเสขลายมือชื่อที่ปรากฎในเอกสารการนำชี้รังวัดตนไม่ได้เป็นคนเซ็นชื่อ โดยนายฟื้นยังคงชี้แจงโดยยืนยันอย่างหนักแน่นในที่ประชุมว่า ไม่ได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อและไม่ได้เป็นผู้นำชี้รังวัดแต่อย่างใด กระทั่งนายธีรัจชัยกล่าวย้ำโดยระบุว่า “ฝากให้รองผู้ว่าฯ นายอำเภอฯ และที่ดินจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องหลังการออก นส.ล.วันที่ 13 มี.ค.2541 ถ้าตัวกำนันบอกว่าชื่อไม่ได้เซ็นเองเป็นปัญหาแน่นอน เจ้าของท้องที่ไม่ได้ชี้ในส่วนนี้เป็นปัญหาแน่นอน อาจจะเป็นการออกโดยมิชอบ”
“หากข้อเท็จจริงเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำเข้าในสำนวนครบถ้วน เช่น กำนันฟื้นไม่ได้ไปเซ็นจริงแต่ไปเชื่อ ศาลก็ต้องเชื่อเพราะมีในสำนวน ก็ต้องตัดสินตามนั้นไม่ใช่ความผิดของศาล เพราะความจริงในสำนวนไม่สมบูรณ์ แต่ในวันนี้ เมื่อ กมธ.มาและได้เห็นข้อเท็จจริงโดยผมพยายามถามทุกฝ่ายเพื่อจะหาความจริง ที่เป็นจริงและทำให้เป็นจริงในสำนวนและหาทางแก้ไขกัน” นายธีรัจชัยกล่าว
ในขณะที่นายประเดิมชัยยังตั้งประเด็นคำถามถึงกรณีการเดินสำรวจเพื่อนำชี้แนวเขต 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 ในเอกสารทางราชการชัดเจนระบุชื่อนายฟื้น เกตุแฝง กำนันตำบลป่าเลาเป็นคนนำรังวัด เมื่อนายฟื้นยืนยันไม่รู้เรื่องไม่มีส่วนและไม่เคยร่วมเดินรังวัดกับเจ้าหน้าที่ของสนง.ที่ดิน การที่ทางราชการนำชื่อนายฟื้นเข้าไป จนปรากฎในเอกสารทางราชการไปยื่นต่อศาลปกครอง และการที่นายฟื้นไปแจ้งความไว้ ทางขบวนการของทางตำรวจได้มีการขับเคลื่อน จนนำไปสู่การพิสูจน์ลายมือชื่อหรือไม่ โดยนายประเดิมชัยกล่าวย้ำว่า “ไม่ได้ก้าวก่ายในคำตัดสินของศาล แต่สงสัยในขบวนการของการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด”
โดยนายจักรพันธ์ จันทรภูมิ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวชี้แจงว่า สนง.ที่ดินฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงไปทางศาลเรื่องขบวนการรังวัดออก นส.ล.เป็นประการใด สนง.ที่ดินฯ ยึดตามเอกสารที่ปรากฎว่าได้ดำเนินการไปมีบุคคลใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการ ก็ชี้แจงไปตามจ้อเท็จจริงที่ปรากฎตามเอกสารทั้งหมด รวมทั้งอดีตกำนันฟื้นด้วย คำพิพากษาศาลเท่าที่ตนจำได้มีการระบุว่า การดำเนินการในส่วนนั้นดำเนินการที่เป็นไปตามกฎหมายแล้ว และบอกว่าในส่วนนั้นเป็นที่สาธารณประโยชน์ ส่วนข้อถามถึงหลักเขตเป็นอย่างไร อย่างที่เรียนว่าทะเบียนขึ้นโดยการประมาณ โดยสภาพสมัยก่อนเข้าใจว่าน่าจะเป็นการมองด้วยสายตา และจดแจ้งโดยการเขียนไม่มีพิกัด
“การรังวัดในขณะนั้นไม่ใช่เพียงสนง.ที่ดินดำเนินการเป็นผู้เดียว มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆร่วมลงพื้นที่ด้วย และในข้อเท็จจริงปรากฎว่า อดีตกำนันฟื้นให้ถ้อยคำไว้อย่างนั้นปรากฎในเอกสาร ส่วนจะเป็นเท็จหรืออย่างไร สนง.ที่ดินทำผิด จนท.ไปให้การดำเนินการผิดก็ว่าไปโดยขบวนการทางศาลกำหนดก็แล้วกัน เพราะเราดูเอกสารที่ปรากฎในขณะนั้น แล้วส่งไปที่ศาลไม่มีเอกสารเท็จแต่อย่างไร”นายจักรพันธ์กล่าว
คดีขึ้นมาใหม่ และกมธ.ก็คงจะเชิญอธิบดีกรมที่ดิน ผู้ว่าราชการจังหวัดฯมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป โดยเชื่อว่ากลไกของนิติบัญญัติ ค่อนข้างจะสอบสวนได้อย่างอิสระและมากกว่ากลไกยุติธรรมปกติ
///
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: