เพชรบูรณ์-วุ่น! สารแอมโมเนีย รง.น้ำแข็งฯหล่มสักรั่ว ระดมรถน้ำ-ดับเพลิงฉีดพ่นสเปย์น้ำ 5 ชั่วโมง ชาวบ้านทนไม่ไหวเกิดบ่อย เรียกร้องให้ปิดโรงงาน
เวลา 05.45 น.วันที่ 8 กุมภาพันธุ์ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองหล่มสัก ได้รับแจ้งเกิดเหตุก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลในโรงน้ำแข็งกรีนไอซ์ บริเวณถนนวจี ซอย 6 ชุมชนบ้านไร่ ในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก เบื้องต้นไม่มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสารแอมโมเนียรั่วไหลแต่อย่างใด รีบเดินทางไปในที่เกิดเหตุพร้อมนำรถน้ำและรถดับเพลิง 4 คัน เข้าฉีดพ่นสเปย์น้ำเพื่อควบคุมการฟุ้งกระจายของสารแอมโมเนียที่รั่วไหลออกมา ทั้งนี้มีอาสากู้ภัยกกไทรหล่มสักนำกำลังเข้าไปช่วยระงับเหตุดังกล่าวด้วย
ข่าวแจ้งว่า หลังการตรวจสอบพบจุดที่สารแอมโมเนียรั่วอยู่ตรงจุดบริเวณท่อถังแคบซูลส่งสารแอมโมเนียไปผลิตน้ำแข็ง เจ้าหน้าที่และช่างประจำโรงงานฯ จึงทำการปิดวาล์วท่อส่งก๊าซจุดดังกล่าว แต่ทั้งนี้เนื่องจากมีสารแอมโมเนียตกค้างอยู่ในท่อ ทำให้ยังรั่วฟุ้งกระจายทั่วบริเวณตลอด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องฉีดพ่นสเปย์น้ำ เพื่อควบคุมและลดความเข้มข้นรวมทั้งฟุ้งกระจายของสารแอมโมเนียดังกล่าว จนกระทั่งเวลาราว 11.00 น. จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยใช้ระยะเวลาราว 5 ชั่วโมงในการเข้าระงับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ข่าวน่าสนใจ:
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเกิดเหตุนายทวีสิน จันทสิงห์ รองนายกเทศมนตรีฯ พร้อมนายชาตรีวัฏฐ์ อินทร์บุหรั่น รองปลัดเทศบาลฯ นอกจากนี้มีนายนพดล คำนึงเนตร ปภ.เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อติดตามสถานการณ์พร้อมร่วมวางแผนและอำนวยการการระงับเหตุดังกล่าวอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีรายงานแจ้งด้วยว่า สาเหตุที่สารแอมโมเนียเกิดการรั่วไหล เนื่องจากโรงงานฯ เปิดทำธุรกิจนี้มาหลายสิบปี เครื่องจักรจึงอยู่ในสภาพเก่า และที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุสารแอมโมเนียรั่วไหลบ่อยครั้ง และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าเทคโอเวอร์โรงงานน้ำแข็งนี้
ล่าสุดมีรายงานอีกว่า เวลา 13.00 น.ผู้แทนคณะบริหารเทศบาลฯ, ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมถกกับตัวแทนโรงน้ำแข็งฯและชาวบ้านซึ่งอยู่อาศัยรอบๆ โรงงาน เนื่องจากหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว มีเสียงเรียกร้องจากชาวบ้านขอให้ปิดโรงงานน้ำแข็ง โดยให้เหตุผลว่า เกิดเหตุการณ์ทำนองมาหลายครั้งเกินไปที่โรงงานน้ำแข็ง จนเกินกว่าชาวบ้านรับได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: