เพชรบูรณ์-มูลนิธิรักษ์ป่าพะยูงไทยฯนำ 6 ผู้เสียหาย แจ้งความจับ “อาจารย์ชา”และพวก ข้อหาฉ้อโกงปชช. อ้างถูกหลอกขายที่ดิน-โอนไม่ได้ ทวงเงินคืนแต่ถูกเบี้ยว
เวลา 10.00 น. วันที่ 29 พ.ย.61 ที่ สภ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ มูลนิธิรักษ์ป่าพะยูงไทย พยุงธรรม เพื่อแผ่นดิน โดย พลเอกหญิง ดร.ท่านผู้หญิงอภิรดี ยิ่งเจริญ ประธานมูลนิธิฯ มอบหมายให้ น.ส.สุภัตรา เปยเกิด(ยิ่งเจริญ) เลขาธิการ มูลนิธิฯ นำคณะผู้เสียหายรวม 6 ราย ซึ่งร้องเรียนต่อมูลนิธิฯ โดยอ้างว่าถูกนายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ“อาจารย์ชา” เจ้าของโครงการชุมชนธะธรรมชาติและโปรเจกต์สวนน้ำ พื้นที่เขารอยต่อ อ.หล่มเก่าและอ.หล่มสัก ต.หล่มเก่า อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ หลอกลวงให้ซื้อที่ดินซึ่งอยู่ระหว่างถูกกรมที่ดินพิจารณาเพิกถอนโฉนด และภายหลังถูกเบี้ยวไม่ยอมคืนเงินให้
ทั้งนี้คณะผู้เสียหายทั้งหมดเข้าพบพ.ต.ท.จำเนียร คำวิเศษ รอง ผกก.สอบสวน สภ.หล่มเก่า โดยประสงค์จะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ 1.นายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ“อาจารย์ชา”,2.นางณัฐ์ชญาดา ณ สิริ (หลวงมุก) คู่สัญญา, 3.นายปรมัต เงินทอง ผู้รับโอนเงิน 4.นายปณิธาน ชวาลสันตติ เจ้าของโฉนดที่ดิน และนายหน้าประกาศขายที่ดินบนโซเชียลมีเดียอีก 1 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยนายศรัณ โพธิแพทย์ ทนายความยังแจ้งเพิ่มอีกว่ายังมีผู้เสียหายอีก 2 รายในต่างประเทศ ได้มอบอำนาจให้เพื่อนผู้เสียหายด้วยกันแจ้งความร้องทุกข์เช่นกัน ต่อมา พ.ต.ท.จำเนียร จีงมอบหมายให้ พ.ต.ต.พิษณุ โพธิ์เส็ง สว.สอบสวนฯ รับแจ้งความและรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด
ข่าวน่าสนใจ:
นายนิพิฐ์ภณ วรรณศิริถาวร อายุ 45 ปี ชาวกทม. 1 ในผู้เสียหายกล่าวว่า ไม่เคยรู้จักอาจารย์ชามาก่อนแต่ไปเห็นในเพจมีการแจ้งซื้อขายที่ดิน จึงติดต่อเข้าไปกระทั่งได้พูดคุยกับอาจารย์ชา จนตกลงซื้อขายที่ดินคนละ 1 ไร่ๆละ 100,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีการทำสัญญาจะซื้อขายไว้เรียบร้อย แต่ภายหลังทราบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวอยู่ในแปลงที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนด และอยู่ในแปลงที่สำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์มีความเห็นสั่งเพิกถอนโฉนด ตามมาตรา 61 จึงติดต่อขอคืนเงินทั้งหมด เพราะมีระบุในท้ายสัญญาเพิ่มเติมไว้ หากพบผิดปกติและโอนที่ดินไม่ได้ต้องคืนเงินให้ 100% แต่หลังทวงถามเป็นระยะๆ กลับถูกปฎิเสธจึงตัดสินใจ ร้องเรียนไปยังมูลนิธิฯกระทั่งได้รับการช่วยเหลือดังกล่าว
น.ส.สุภัตรากล่าวว่า ภายหลังมูลนิธิฯได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติธรรม โดยอ้างว่าถูกฉ้อโกงให้ซื้อที่ดิน และเมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูลความจริง ประธานมูลนิธิฯจึงให้นำคณะผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ แต่ขณะเดียวกันหากผู้ที่ถูกกล่าวโทษมีหลักฐานจะชี้แจง ทางมูลนิธิฯก็ยินดีจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามทางมูลนิธิฯขอฝากให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ช่วยติดตามดูพฤติกรรมของผู้ที่ถูกกล่าวหารายนี้ เนื่องจากตั้งข้อสังเกตถึงการแต่งกายที่แปลกแยก จนไม่รู้ว่าจะเป็นลัทธิไหน ที่สำคัญมีคำสอนส่อไปทางเบี่ยงเบนจนเป็นการบ่อนทำลายพุทธศาสนาหรือไม่
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: