เพชรบูรณ์-นอภ.เขาค้อชี้! มีมติครม.ปลดล็อกที่ดินเขาค้อ ยังต้องทำตามกฎหมายก่อน แจงไม่ใช้ทำประชาคม แค่เวทีแสดงตวามคิดเห็น ไม่โปร่งใสไม่ปิดกั้น
วันที่ 20 มี.ค.66 นายภาคภูมิ ภูมี นายอำเภอเขาคัอ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 14 มีนาคม 2566 ปลดล็อกที่ดิน 4 ตำบล(ต.เขาค้อ,ต.สะดาะพล,ต.ริมสีม่วง,ต.หนองแม่นา) ของอ.เขาค้อ ให้กรมป่าไม้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมให้กรมธนารักษ์ไปดำเนินการตามกฎหมายที่ราขพัสดุว่า มติครม.ที่ออกมาเป็นไปตามแนวทางที่ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการครอบครองทำประโยชน์ที่ดินบนเขาค้อ ที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน
นายภาคภูมิกล่าวว่า อย่างไรก็ตามหลังครม.ได้มีมติปลดล็อกที่ดิน 4 ตำบลของ อ.เขาค้อแล้ว ในส่วนของอำเภอเขาค้อคงจะเร่งชี้เแจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเหตุใด ครม.จึงมีมติการเพิกถอนพื้นที่ป่าและผลักให้เป็นที่ราชพัสดุ โดยสิ่งต่างๆเหล่านี้มีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว ซึ่งจะไปสอดคล้องกับวิถีการดำรงชีพของราษฎรชาวเขาค้ออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดูแลด้านทรัพยากรธรรมขาติ และการส่งเสริมท่องเที่ยวของอำเภอเขาค้อให้เกิดความยั่งยืน
“ระหว่างนี้ก็ต้องรอทางกระทรวงทรัพย์และกระทรวงการคลัง ซึ่งตามที่ครม.วันที่ 14 มีนาคม 2566 มีมติมอบหมายให้ดำเนินการต่อ ฉะนั้นในเบื้องต้นทางอำเภอฯ คงเร่งทำการชี้แจงสร้างความเข้าใจให้แก่ราษฎรในพื้นที่ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม คงต้องรอทางส่วนกลางประสานงาน โดยเฉพาะสองกระทรวงหลักที่ได้รับมอบหมายจากมติครม.”นายภาคภูมิกล่าว
นายอำเภอเขาค้อยังกล่าวถึงปัญหาเร่งด่วน ที่กลุ่มราษฎรอ้างว่า เดือดร้อนเรื่องระบบโครงสร้างพื้นฐานขาดการพัฒนาว่า เนื่องจากปัจจุบันแม้จะมีมติ ครม.ออกมาแล้วก็ตาม แต่โดยสภาพพื้นที่ 4 ตำบลของเขาค้อยังเป็นเขตป่าสงวนฯอยู่ ฉะนั้นการดำเนินการขออนุญาติพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานยังคงเป็นไปตามกฎหมายป่าไม้
นายภาคภูมิกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นขออนุญาตไปทางกรมป่าไม้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเตรียมการยื่นขอผ่อนผันเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมีมติ ครม.วันที่ 14 มีนาคม 2566 ปลดล็อกที่ดินเขาค้อออกมาแล้ว โดยตนจะเตรียมการประชุมผู้บริหารท้องถิ่นในวันที่ 21 มีนาคมที่จะถึงนี้
“ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ในกฎหมายป่าสงวนฯอยู่ แม้ครม.จะมีมติให้เพิกถอนป่าสงวนฯออกมาแล้วก็ตาม ก็ต้องรอให้มีกฎหมายที่ชัดเจนออกมาก่อน ตอนนี้จึงยังไม่สามารถดำเนินการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานได้โดยทันที จำเป็นต้องขออนุญาตทางกรมป่าไม้ก่อน แต่ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางเราก็พยายามใช้ทุกช่องทางที่สามารถจะแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ให้ได้”นายภาคภูมิกล่าว
นายอำเภอเขาค้อกล่าวถึงการกำหนดกติกาและคุณสมบัติผู้เช่าที่ดินฯเขาค้อ หลังที่ดินเขาค้อถูกปรับเปลี่ยนสถานะเป็นที่ดินราชพัสดุแล้วว่า ตรงนี้ทางอำเภอฯมีฐานข้อมูลเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะทางผู้ว่าราชการตังหวัดเพชรบูรณ์และคณะทำงานเบื้องต้นได้ร่างกฎกติกาไว้บ้างแล้ว ซึ่งได้เสนอกระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพย์ฯไปแล้ว ก็อยู่ที่ทางส่วนกลางจะพิจารณา ทั้งนี้กติกาหรือการกำหนดคุณสมบัคิผู้เช่าหลักใรเบื้องต้น คงเป็นไปตามที่ผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้
นายภาคภูมิยังกล่าวขี้แจงถึงกรณีที่กลุ่มราษฎรที่เห็นต่าง โดยต้องการให้ออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินมากกว่าจะให้เป็นที่ราชพัสดุว่า มติครม.วันที่ 14 มีนาคม 2566 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่ตัดสิทธิในการเรียกร้องสิทธิที่ดีกว่า ทางอำเภอเขาค้อจึงฝากราษฎรที่จะไปเรียกร้องเอกสารสิทธิหรือต้องการโฉนด ก็ต้องไปพิสูจน์ดำเนินการตามเอกสารหลักฐานที่มีนายภาคภูมิกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่นายวีระ สมความคิด มาร้องตนในเรื่องการทำประชาคมนั้น ในตอนนี้ตนกำลังทำคำชี้แจงอยู่ ซึ่งยืนยันว่าตนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกขั้นตอน ไม่ได้ทำอะไรผิดขั้นตอน ที่สำคัญเราก็เปิดโอกาสให้ราษฎรแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมกันหมด อย่าลืมว่า 35 หมู่บ้าน 4 ตำบล ความต้องการของแต่ละคนมีความหลากหลาย ฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ต้องถือเสียงส่วนใหญ่เป็นสำคัญ รวมทั้งยึดเอาประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นตัวตั้ง
“สิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว ต้องชี้แจงว่าไม่ใช่การทำประชาคม แต่เป็นการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเราดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ปี 2564 แต่ครั้งนี้เป็นการมารับฟังกันอีกครั้ง”นายอำเภอเขาค้อกล่าวย้ำ
นายภาคภูมิกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ร้องว่ามีการเร่งรัดนั้นต้องชี้เแจงว่า ไม่ได้เร่งรีบหรือเร่งรัด แต่เนื่องจากมีเงื่อนเวลาและคณะติดตามการแก้ไขปัญหาที่ดิน ลงมาดำเนินการต้องส่งให้ทางจังหวัด โดยเฉพาะ 35 หมู่บ้าน มี 25 หมู่บ้านเห็นด้วย และ 10 ไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ชี้ให้เห็นว่า เราไม่ได้ปิดโอกาสหรือปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นอะไรทั้งสิ้น ที่สำคัญเราเคารพความเห็นส่วนน้อยและความเห็นจึงมีการจ้อเสรอประเด็นไม่ตัดสิทธิราษฎรที่ต้องการพิสูจน์สิทธิในที่ดินที่ครอบครองทำประโยชน์อยู่
นายอำเภอเขาค้อกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ในส่วนตัวมองว่า มติครม.วันที่ 14 มีนาคม 2566 เป็นทิศทางที่ดีในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่เขาค้อ ให้เป็นพื้นที่การท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์ การที่เป็นที่ราชพัสดุไม่ได้เอื้อให้ใครหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เพื้อประโยชน์ส่วนใหญ่ของอำเภอเขาค้อและจังหวัดเพชรบูรณ์
“ฉะนั้นหากเป็นที่ราชพัสดุ การดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แม้กระทั่งพื้นที่ส่วนราชการที่ปัจจุบันอยู่ในเขตป่า หากไปขึ้นทะเบียนไปเป็นที่ราชพัสดุแล้ว ก็จะสามารถนำงบฯมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆได้ในทุกมิติ รวมทั้งแก้ปัญหาเรื่องไฟฟ้าที่ต้องไปขออนุญาตกรมป่าไม้ก่อน ซึ่งต่อไปก็ไม่จำเป็น”นายภาคภูมิกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: