รองผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ ยอมรับไปไม่เป็น หลังนทท.แห่ชมเมืองศรีเทพมรดกโลกแน่น จนถูกร้องความพร้อมไม่มี
วันที่ 29 กันยายน นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวขณะบรรยายในเวทีสมัชชาสุขภาพจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยยกเหตุการณ์กรณีนักท่องเที่ยวแห่เข้าชมศรีเทพมรดกโลก เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาขึ้นเปรียบเทียบในเรื่องการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่สังคมผู้วัยของจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยนายชัชวาลย์กล่าวตอนหนึ่งว่า “ยกตัวอย่างกรณีอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ ซึ่งเราทราบอยู่แล้วตั้งแต่ปี 2558 – 2559 ว่าเป็นมรดกโลกแน่นอน แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดยังนิ่งนอนใจ”
นายชัชวาลย์ กล่าวบรรยายอีกว่า ล่าสุดในปี 2566 วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา มีการประกาศให้เมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลก ทุกคนทราบหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คนกว่าหมื่นคนแห่กันเข้าไปในพื้นที่ พอคนเข้าไปเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ต้องจัดการมีเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งเรื่องของสถานที่จอดรถ อาหารการกิน ที่พักและที่สำคัญที่สุดคือห้องน้ำ ถึงขนาดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ต้องสั่งการขอให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ไปช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว จึงได้มีการประสานขอรถสุขาเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะชาวบ้านและนักท่องเที่ยวร้องเรียน
“ดังนั้นประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทราบดีว่า อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้ขึ้นเป็นมรดกโลกแน่นอน เนื่องจากในปี 2562 ได้มีการเสนออุทยานฯศรีเทพ เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) แต่ในระยะเวลากว่า 4 ปี จึงตั้งข้อสังเกตุทำไมเตรียมตัวไม่ทัน ก็ไม่ทราบเรื่องราวเป็นอย่างไร ผมมารับราชการแบบเต็มตัว 2 ปี ยังไม่ทราบรายละเอียดอะไร พอเจอปัญหาก็ถึงกับไปไม่เป็นเหมือนกัน และพอทราบแบบนี้จึงตั้งข้อสังเกตุว่า เราน่าจะเตรียมตัวตั้งแต่ต้น แต่ทำไมไม่เตรียม”นายชัชวาลย์กล่าว
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวบรรยายต่อไปอีกว่า ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (28 กันยายน) ได้มีการเปิดประชุมคณะกรรมการบริหารจังหวัดฯแบบเร่งด่วน เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฯเองก็ต้องไปแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังได้รับเชิญไปพบกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เพื่อแก้ไขปัญหาและเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ เพราะมีคนโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่อุทยานฯศรีเทพเป็นจำนวนมาก โดยกระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าของพื้นที่
นายชัชวาลย์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเวลาที่คนไปแหล่งท่องเที่ยว หากเป็นสายอารยธรรม สายโบราณคดี จะพยายามไม่ทำลายสิ่งก่อสร้าง และเดินด้วยความระมัดระวัง แต่คน 30,000 คน ที่เข้าไปในพื้นที่ตามที่มีการรายงานข่าวไปนั้น จะมีสายอารยธรรมสักกี่คน ตนเห็นคนขึ้นไปเพื่อจะถ่ายรูปบนเขาคลังนอก โดยจำลองเหมือนเหตุการณ์เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว ที่พระสงฆ์ขึ้นข้างหลังและลงด้านหน้า เชื่อว่าทุกคนอยากตามรอยเหตุการณ์ดังกล่าว
“แต่การขึ้นไปเป็นจำนวนมากอาจทำให้เกิดการทรุดตัวของอาคาร และส่งผลให้อาจทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งปิดไปแล้ว โดยให้ถ่ายรูปได้รอบๆ บริเวณด้านล่างเท่านั้น”นายชัชวาลย์กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: