ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์เชื่อข่าวรั่ว จับผู้บุกรุกได้รายเดียว ส่วนเครื่องจักรล่องหน ก่อนคณะ จนท.เข้าตรวจสอบ
วันที่ 22 พ.ค.67 ความคืบหน้าจากกรณี พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชุดปฎิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. ออกมาปูดข่าวมีการบุกรุกพื้นที่ที่ดินบริเวณที่ตั้งโรงเตี้ยมเดิมบนภูทับเบิก ซึ่งถูกคณะเจ้าหน้าที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเมื่อปี 2559 หลังศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด พร้อมพาดพิงถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ กระทั่งเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) คณะเจ้าหน้าที่ป่าไม้, กอ.รมน.เพชรบูรณ์, ฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย จน พ.อ.พงษ์เพชรถึงกับแสดงความผิดหวัง หลังเจ้าหน้าที่ไม่สามารถผู้ร่วมกระทำผิดและเครื่องจักรของกลางได้มากกว่านี้ พร้อมเชื่อว่าปฏิบัติการล้มเหลวสาเหตุมาจากข่าวรั่ว จนทำให้ผู้ร่วมกระทำผิดและเครื่องจักรได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ ก่อนคณะเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ล่าสุด นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้บุกรุกที่ดินบริเวณที่ตั้งโรงเตี้ยมเดิมบนภูทับเบิก ต.วังบาล อ.หล่มเก่าว่า ทางจังหวัดฯก็พึ่งได้รับทราบข้อมูลทางสื่อเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาเช่นกัน โดยเมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางคณะเจ้าหน้าที่ทั้งป่าไม้, กอ.รมน.เพชรบูรณ์ รวมทั้งทางฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังกันขึ้นไปตรวจสอบ ก็พบหลักฐานกองวัสดุที่เตรียมใช้ในการก่อสร้าง อาทิ เหล็กกล่อง ถังแซทเพื่อทำการกลบฝัง นอกจากนี้ยังพบว่ามีร่องรอยการขุด ซึ่งถือว่ามีความพยายามบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวจริง
ข่าวน่าสนใจ:
นายกฤษณ์กล่าวว่า สำหรับที่ดินดังกล่าวเคยเป็นกรณีพิพาท โดยศาลตัดสินแล้วโดยให้ที่ดินบริเวณนี้เป็นอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ ซึ่งง่าย ๆ ก็คือยังเป็นป่าอยู่ และอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งทุกฝ่ายก็พยายามสอดส่องดูแลกันอยู่ แต่ตอนนี้มีคนเข้าไปบุกรุก ทางคณะเจ้าหน้าที่ก็มีการดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน โดยเบื้องต้นมีการให้การว่า วัสดุที่กองอยู่เป็นของเขาเอง ตอนนี้ก็เลยมีการตั้งข้อหาและมีการสืบสวนหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป ฉะนั้นจึงขอยืนยันว่าที่บริเวณนี้ ยังเป็นที่ป่าไม่มีใครจะสามารถเข้าไปก่อสร้างหรือดำเนินการอะไรได้ หากตนจำไม่ผิดเมื่อการรื้อถอนเสร็จเมื่อปี 2559 ได้มอบภารกิจให้กับทางกรมป่าไม้เป็นผู้ดูแลและปลูกป่าในพื้นที่บริเดฃวณนี้
“ส่วนกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ในการปฎิบัติการตรวจยึดในครั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะตรวจยึดเครื่องจักรและผู้ร่วมกระทำผิดได้มากกว่านี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็คงอยากตรวจยึดของกลางได้มากกว่านี้ แต่จากที่มีลักษณะเหตุเป็นแบบนี้ อาจเพราะผู้กระทำผิดอาจจะรู้ตัวก่อน แต่ข่าวจะรั่วตรงจุดไหนนั้น ก็คงต้องมีการตรวจสอบกันอีกที แต่ทั้งนี้ทาง พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ไม่ได้แจ้งมาทางจังหวัดโดยตรง ซึ่งไม่ทราบว่าได้ประสานไปยังหน่วยงานใด แต่หากแจ้งมาที่จังหวัดฯโดยตรง ผมเชื่อว่าข่าวนี้คงจะไม่รั่ว” นายกฤษณ์กล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาภูทับเบิกอีกว่า ล่าสุดวันนี้เราได้มีการสำรวจความต้องการของพี่น้องชาวไทยภูเขา ที่ทางราชการได้ให้เขาไปอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น ซึ่งเดิมจะจัดตั้งเป็นนิคมชาวเขาแต่สุดท้ายไม่ได้มีการจัดตั้ง โดยเขาก็ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่นี้ค่อนข้างนานแล้ว เราก็เลยได้สำรวจว่า อยากให้รัฐช่วยดูแลรับปรับเป็นพื้นที่มีลักษณะอย่างไร
“ก็ได้รับทราบความต้องการว่า บางคนอยากให้เป็นนิคมเหมือนเดิม ตามเจตนารมณ์ที่เคยมีมา บางคนก็อยากให้เป็นที่ดินธนารักษ์ โดยสามารถอยู่อาศัยและประกอบกิจการได้ บางคนก็อยากให้ทำเป็นโครงการ คทช. ซึ่งเราได้ระดมความคิดเห็นเหล่านี้และส่งให้ทางคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ดำเนินการพิจารณาแก้ไขปัญหา โดยเลือกแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวไทยภูเขาเผ่าม้งที่นี่”นายกฤษณ์กล่าว
นายกฤษณ์ยังตอบข้อสงสัยที่ประชาชนข้องใจว่าพื้นที่ที่เคยมีการตรวจยึด จะมีการบุกรุกเพิ่มเติมหรือไม่ว่า ยังไม่ได้รับแจ้งจากทางพื้นที่ แต่ถ้ารับแจ้งว่ามีการบุกรุกในลักษณะนี้ ก็ต้องมีการดำเนินการเช่นเดียวกัน ไม่ว่ากำลังจะก่อสร้างหรือก่อสร้างไปแล้ว ซึ่งหากปรากฏชัดเจนว่าเป็นที่ดินเดิม ที่ศาลเคยมีคำพิพากษาไปแล้ว ก็ต้องมีการรื้อถอนและถูกดำเนินคดีด้วยเช่นเดียวกัน
“อยากฝากสื่อสารและเตือนถึงพี่น้องชาวภูทับเบิกและประชาชน กรณีอาจมีการกล่าวอ้างว่าทางราชการได้อนุญาตให้ก่อสร้างโดยเฉพาะบริเวณที่ดินเดิม ขอให้ทุกคนอย่าหลงเชื่อ และหากอยากทราบข้อเท็จจริงอะไรก็ตาม ขอให้สอบถามทางอำเภอหล่มเก่า หรือทางเจ้าหน้าที่พม.จ.เพชรบูรณ์ เนื่องจากไม่มีทางราชการหน่วยใดอนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้นอกจากการขอใช้ตามกฎหมายของกรมป่าไม้เท่านั้น ซึ่งทุกพื้นที่บนภูทับเบิกอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ ที่จะต้องดูแลรับผิดชอบ ควบคุมไม่ให้มีการบุกรุก และหากเกรงจะมีปัญหาอะไรก็ต้องสอบถาม อย่าไปเชื่อข่าวลือหรือข่าวลวงอะไรเด็ดขาด”นายกฤษณ์กล่าว
ข่าวแจ้งว่า เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พช 1(น้ำชุน), กอ.รมน.จว.เพชรบูรณ์ และฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่ตั้งโรงเตี้ยมเดิมบนภูทับเบิด ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่รื้อถอนไปแล้วเมื่อปี 2559 จากนั้นจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมตรวจยึดพื้นที่บุกรุกจำนวน 1-2-92 ไร่ โดยกล่าวหาผิดตามคำสั่งศาล ตามคำพิพากษาศาล คดีหมายเลขดำที่ อ.1425/2555 คดีหมายเลขแดงที่ อ.974/2556 ตามหนังสือรับรองถึงที่สุดที่ 158/2558 กระทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 54,55 จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้ปิดป้ายประกาศห้ามยึดครองและก้อสร้างในที่ดินบริเวณดังกล่าว
ในขณะที่ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชุดปฎิบัติการพิเศษ ศปป.4 กอ.รมน. ออกมาระบุโดยเชื่อว่า ข่าวรั่วทำให้ปฎิบัติการของคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไม่สามารถจับกุมกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิด รวมทั้งไม่สามารถตรวจยึดของกลาง อาทิ รถแบ็กโฮ รถแทรคเตอร์ล้อยาง ทั้งที่ในช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค.67 ก่อนที่คณะเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบ ปรากฎว่ากลุ่มผู้ร่วมกระทำผิด รวมทั้งเครื่องจักรยังอยู่ในพื้นที่ และได้ถูกขนย้ายออกจากจุดบริเวณดังกล่าวก่อนเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น…
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: