เพชรบูรณ์-โฟสต์ภาพฟ้องชาวเน็ต อ้างถูกตร.ยำหน้าเละ ด้านผบ.ชุดจับกุมแจงสาเหตุ ขัดขืนการจับกุม/แย่งปืน/พบยาบ้า เจอดำเนิคดี 4 ข้อหาหนัก
วันที่ 22 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน ชาวโซเซียลมีเดียต่างพากันแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย กรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊คโพสต์ภาพใบหน้าของหนุ่มวัยรุ่น สภาพตาข้างซ้ายบวมปิด หน้าผากมีบาดแผลแตกและที่จมูกมีเลือดกำเดาไหล พร้อมระบุข้อความโดยอ้างว่าเกิดจากการถูกทำร้าย หลังจากถูกตำรวจชุดจับกุมของสภ.แห่งหนึ่งในจ.เพชรบูรณ์ หลังจากนั้นจะแจ้งความกลับแต่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความ นอกจากนี้ยังมีการตัดพ้อต่อว่าอีกว่า “จะพึ่งตำรวจดีๆได้ที่ไหน ในเมื่อผู้รักษากฎหมายใช้กฎหมายทำร้ายประชาชน ตำรวจดีใช้จับคนทำผิดกฎหมาย เเต่ถ้าตำรวจทำผิดจะเอาคนดีที่ไหนมาจับตำรวจ” โดยเจ้าของเฟสบุ๊ครายนี้ยังฝากให้ช่วยกันกดแชร์อีกด้วย
ต่อมาปรากฏว่าได้มีเพื่อนสมาชิกเข้ามาสอบถามถึงสาเหตุที่ทำให้หนุ่มวัยรุ่นตามรูปภาพตกอยู่สภาพแบบนี้ กระทั่งมีการชี้แจงเพียงสั้นๆว่า “โดนตำรวจล็อคคอเเล้วกัดมือตำรวจ” อย่างไรก็ตามหลังจากโพสต์ดังกล่าวได้ถูกชาวโซเซียลแชร์ต่อกันไปเป็นทอดๆ ทำให้มีสมาชิกพากันแสดงความคิดเห็นกระจายเป็นวงกว้าง โดยมีทั้งฝ่ายที่เชื่อว่าตำรวจกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ส่วนอีกฝ่ายทักท้วงให้หาข้อมูลให้ดีก่อนพร้อมให้สมมุติฐานว่า หากไม่ขัดขืนหรือไม่หลบหนีก็ไม่ต้องอยู่ในสภาพนี้ ขณะเดียวกันยังตั้งข้อสังเกตว่ามีประวัติคดีอื่นๆติดตัวหรือไม่
ด้านผู้บังคับบัญชาของตำรวจชุดจับกุมดังกล่าวได้ชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจสายตรวจมีการตั้งจุดตรวจ โดยวัยรุ่นรายนี้ขับรถมาและเห็นไฟวาบๆ เลยไม่ยอมไปและยังขับหลบเข้าไปในถนนอีกซอย จนไปเจอสายตรวจ 2 นายที่ดักไว้และไม่ยอมให้ตรวจค้น ทำให้มีการกอดรัดและผู้ต้องหาจะแย่งปืนแถมยังกัดมือตำรวจอีกด้วย ส่วนผลการตรวจค้นพบยาบ้า 21 เม็ด จึงตั้ง 4 ข้อหามียาเสพติดประเภท1ไว้จำหน่าย,มีไว้เสพ,เสพแล้วขับและต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ซึ่งทางแม่ของวัยรุ่นได้มาพบจึงได้บอกย้ำไปว่าพร้อมจะให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว เพราะทั้งแม่วัยรุ่นรายนี้รวมทั้งตนต่างก็ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุจึงพยายามอธิบายให้ฟัง จากนั้นให้ประกันตัวออกไปเพื่อให้ไปดูแลคนก่อนโดยเหตุเกิดช่วงตอนกลางคืน
“บอกย้ำไปว่าหากตำรวจทำเกินกว่าเหตุก็มีสิทธิ์แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ไม่ได้ปิดกั้นพร้อมจะดำเนินการให้อยู่แล้ว ส่วนจะผิดจะถูกก็ว่ากันไปในชั้นกระบวนการยุติธรรม”ผู้บังคับบัญชาชุดจับกุมกล่าว
