เพชรบูรณ์-เปิดอนุสรณ์ “แสป-แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” อดีตนักชกแชมป์เปี้ยนโลกขวัญใจชาวไทยผู้สร้างตำนานไต่บันได 3 ขั้นคว้าเข็มขัดแชมป์สภามวยโลก(WBC)มาครองสำเร็จ
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น. นายเสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ เป็นประธานทำบุญอุทิศส่วนกุศลและเปิดอนุสรณ์ “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์” อดีตนักมวยแชมป์โลกขวัญใจชาวไทย รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท (140 ปอนด์) ของสภามวยโลก (WBC) ซึ่งเป็นชาวตำบลสะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์โดยกำเนิด ที่บริเวณริมถนนเลียบคลองชลประทาน แยกวัดทุ่งสะเดียง ชุมชน 3 สะเดียวพัฒนา เขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งนอกจากจะมีชาวสะเดียงจำนวนนับ 100 คนเข้าร่วมพิธีแล้ว ยังมีเหล่าเครือญาติและนายสมคิด คำมาตร เจ้าของค่ายมวยเพชรบูรณ์ ที่แสนศักดิ์เข้าสังกัดก่อนจะไต่เต้าไปเป็นแชมป์โลก รวมทั้งนายสนั่น พรหมประเสริฐ รองประธานสภาเทศบาลฯซึ่งเป็นคนล่อเป้าให้แสนศักดิ์เข้าร่วมพิธีด้วย
นายเสกสรรกล่าวว่า เพื่อเป็นการเชิดชูและยกย่องแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ซึ่งเป็นชาวตำบลสะเดียงและคนเพชรบูรณ์โดยกำเนิด ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดเพชรบูรณ์และประเทศไทยจนเป็นรู้จักกันทั่วโลก จึงจัดสร้างอนุสรณ์แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ อดีตแชมป์เปี้ยนโลกที่สร้างตำนานหรือสถิติการชกมวยสากลเพียง 3 ครั้งก็ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลก นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนในชุมชนมีความภาคภูมิใจ เป็นแบบอย่างที่ดีหากต้องการเดินตามแนวทางของอดีตแชมป์เปี้ยนโลกขวัญใจมหาชนรายนี้
สำหรับประวัติโดยสังเขป(ข้อมูลวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี) “แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์”หรือชื่อที่แฟนหมัดมวยเรียก“ไอ้แสป”เจ้าของฉายา “ซ้ายทะลายโลก”หรืออีกนัย“ซ้ายสีชมพู” เป็นอดีตนักมวยแชมป์โลกชาวไทย รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท (140 ปอนด์) ของสภามวยโลก (WBC) มีชื่อจริงว่า บุญส่ง มั่นศรี เป็นชาวตำบลสะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ แสนศักดิ์เป็นนักมวยที่มีช่วงแขนยาวกว่าปกติและมีหมัดซ้ายหนักโดยธรรมชาติ นับเป็นแชมป์โลกชาวไทยคนที่ 5 และเป็นนักมวยแชมป์โลกรุ่นใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา นอกจากนี้แสนศักดิ์ยังเป็นเจ้าของสถิติโลก ที่ชกมวยสากลเพียง 3 ครั้งก็ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลกอีกด้วย
ก่อนแสนศักดิ์จะก้าวเข้าสู่การชกมวยสากลเคยชกมวยไทยครั้งแรกๆใช้ชื่อว่า “แสนแสบ เพชรเจริญ” หรือ “แสบทรวง เพชรเจริญ” หลังนายสมมาตรเห็นศิษย์รักมีแววรุ่ง จึงฝากไปอยู่กับค่าย”เมืองสุรินทร์” ของ “จอมตบ” สนอง รักวานิช โดยชีวิตบนสังเวียนผ้าใบแสนศักดิ์ประสบความสำเร็จเป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงและเป็นอดีตแชมป์มวยไทยรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท (140 ปอนด์) ของสนามมวยเวทีลุมพินี ต่อมาจึงเริ่มก้าวสู่เวทีมวยสากลสมัครเล่นในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 7 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยชนะน็อกรวดทุกครั้งจนได้ครองเหรียญทอง ทำให้ “พญาอินทรี” เทียมบุญ อินทรบุตร วางแผนร่วมกับสนอง รักวานิช ให้แสนศักดิ์ชกเพียง 3 ครั้งได้เป็นแชมป์โลกเพราะมั่นใจในพลังหมัดโดยเฉพาะหมัดซ้าย จนเรียกกันว่า “บันได 3 ขั้น”
ชีวิตในช่วงรุ่งเรืองของแสนศักดิ์เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคชาติไทยที่เพชรบูรณ์บ้านเกิดแต่สอบตก ส่วนชีวิตหลังแขวนนวมจากอาการบอบช้ำที่ผ่านการชกมวยอย่างโชกโชน ทำให้ตาข้างขวาแสนศักดิ์ถึงกับบอดสนิท ส่วนตาข้างซ้ายได้รับการผ่าตัดจนมองเห็นได้ทำให้ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก โดยบั้นปลายชีวิตของแสนศักดิ์ได้รับความช่วยเหลือจากการกีฬาแห่งประเทศไทยและจากสภามวยโลกที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเป็นรายเดือน ต่อมาแสนศักดิ์ได้เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 58 ปี เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 15.00 น. ที่โรงพยาบาลราชวิถี ด้วยอาการลำไส้ฉีกขาด เนื่องจากเป็นหลายโรครุมเร้ามีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ที่วัดตรีทศเทพโดย พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9 เป็นประธาน เมื่อวันที่ 20 เมษายนปีเดียวกัน
ขอขอบคุณคลิปวีดีโอในอดีต Muay Thai Scholar, Muay Thai
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: