เพชรบูรณ์-อธิบดีกรมป่าไม้พอใจ การส่งมอบที่ดิน-จัดระเบียบที่ดินเขาค้อคืบ มีกรอบทิศทางที่เด่นชัด ย้ำเดินหน้าแผนเดิมทวงคืนผืนป่าควบคู่นโยบาย คทช. ลั่นรอส. 490 รายที่ดินอยู่ในมือ เร่งนำเข้า คทช.จังหวัดก่อน ส่วนรีสอร์ทบุกรุกหลังปี 2557 ต้องบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น
วันที่ 14 มิถุนายน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะประธานคณะกรรมการการส่ง-มอบที่ดินกองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ที่อำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เนื้อที่ 1.2 แสนไร่เศษกล่าวว่า เมื่อวันที 12 มิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งเป็นการนำข้อมูลมานำเสนอเพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับว่าตัวเลขที่มีการสำรวจไว้มีความแน่นอน และยังให้มีการไปสำรวจเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่อยู่ก่อนปี 2545 มีเท่าไหร่ และพื้นที่ระหว่างปี 2545-2557 มีเท่าไหร่ รวมพื้นหลังปี 2557 มีเท่าไหร่ โดยให้แบ่งกลุ่มในห้วงเวลาให้ชัดเจน ซึ่ง ที่ประชุมให้การยอมรับเพราะต้องใช้ข้อมูลตรงนี้ในการส่งมอบคืน นอกจากนี้ยังต้องนำข้อมูลนี้รายงานท่าน รมว.ทส. เพื่อนำเรียนท่านนายกรัฐมนตรีโปรดทราบและพิจารณานำเข้าคณะกรรมการนโนยายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อพิจารณามาตราการแก้ไขปัญหาและการจัดระเบียบ
“ในที่ประชุมผมได้นำเสนอถึงหลักคิดเดิมที่ทำมาอยู่แล้วคือ แผนการทวงคืนผืนป่ากับแนวทางของมติครม.ในเรื่องคทช. เพราะฉะนั้นกติกาสำคัญก็คือใครที่บุกรุกหลังปี 2557 ต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ขณะเดียวกันยังมอบหมายให้คณะทำงานร่วม 3 ฝ่ายได้แก่ กรมป่าไม้ จังหวัดเพชรบูรณ์และกองทัพภาคที่ 3 บังคับใช้กฎหมายร่วมกันให้เสร็จสิ้น”นายอรรถพลกล่าว
นายอรรถพลยังตอบข้อถามถึงข้อมูลการสำรวจรีสอร์ท-บ้านพักตากอากาศ ที่อยู่นอกแปลงรอส.และอยู่ในเขตป่าเขาค้อ ทราบว่าการสำรวจก่อนหน้านี้ยังไม่ครอบคลุมเพราะถูกจำกัดด้วยเงื่อนเวลาว่า ในประเด็นนี้จะให้คณะกรรมทำงานชุดเล็ก 3 ฝ่ายไปแสกนให้ครบถ้วน จะได้ไม่มีตกหล่นและอนาคตจะได้ไม่มีคนที่ไม่ถูกต้องเล็ดรอดหลุดเข้าไป ขณะเดียวกัน รอส. 490 รายตามข้อมูลเมื่อ 2 ปีที่ยังครอบครองที่ดินอยู่ให้รีบไปสำรวจยังเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ หากยังเหมือนเดิมก็ควรนำเข้าสู่ คทช.จังหวัดเพื่อเข้าสู่ขบวนการจัดที่ดินทำกินให้ เพราะถือเป็นเด็กดีทำตามกติกาจึงควรดำเนินการให้ความช่วยเหลือก่อน
นายอรรถพลกล่าวว่า สำหรับภาพรวมการจัดระเบียบที่ดินเขาค้อถือว่าเริ่มต้นไปเยอะ และมีทิศทางมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย เพราะมีหลักคิดการบังคับใช้กฎหมายภายใต้กรอบของกฎหมายไปพร้อมๆกับกรอบนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะกรอบนโยบายแนวทางการแก้ไขปัญหาประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าทุกประเภท และต้องยึดหลักตรงนี้ไว้มิฉะนั้นจะมีหลายมาตรฐานและไม่ถูกต้อง จึงคิดว่าเราเดินหน้าไปมากพอสมควรแล้ว และหากผ่านขบานการกลั่นกรองผ่าน คทช.ก็คงจะมีความชัดเจนมากขึ้น
“แต่อย่างไรก็ตามมีประชาชนหลายกลุ่มมีทั้งกลุ่มคนดี, คนดีน้อย คนไม่ดีและคนไม่ดีมาก เพราะฉะนั้นจึงต้องมีมาตรการดำเนินการที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะคนที่ไม่ดีมากอะไรก็ไม่เชื่อฟังตรงนี้คงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกลุ่มบุกรุกใหม่หลังปี 2557 ส่วนกลุ่มที่อยู่ก่อนปี 2557 ตามแผนเดิมก็ไม่ได้อยู่ในข่ายได้รับการยกเว้นเช่นเดียวกัน”อธิบดีกรมป่าไม้กล่าว
