เพชรบูรณ์-ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. ลั่น! 135 รีสอร์ทนอกแปลงรอส. รุกป่าผิดชัดเจน ถูกดำเนินคดีก่อน ส่วนคดีตึกยักษ์กลางเขาค้อ จนท.เดินหน้ารื้อคดีต่อ อึ้ง!ผู้รับจ้างดูแลสวมโม่ง-งัดกล้องถ่ายคลิปทุกขั้นตอน ขณะให้ปากคำอ้างส่งให้เจ้านาย
วันที่ 9 มีนาคม พลโทผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(ผอ.ศปป.4 กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางดำเนินการกับ 3 กลุ่มรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศที่อยู่ในและนอกแปลงที่ดินราษฎรอาสาสมัคร และอยู่ในเขตป้าที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้จากกรมป่าไม้ หลังร่วมประชุมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ว่า เวลานี้มีการแบ่งกลุ่มปัญหาไว้ 3 กลุ่มๆแรกรีอสร์ทบ้านพัก 135 รายที่อยู่นอกแปลง รอส. ซึ่งถือว่าบุกรุกพื้นที่ป่าที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้โดยตรง และกลุ่มที่ 2 ได้แก่ กลุ่มรีอสร์ทบ้านพักตากอากาศ 332 รายที่อยู่ในแปลงรอส. และกลุ่มรอส. 1,051 รายซึ่งขัดต่อระเบียบและทำผิดเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ได้รับการพิจารณาก็จะดูเป็นอันดับไป แต่มิใช่หมายความว่าจะทำตามอันดับเพียงจัดกลุ่มเพื่อให้ทำงานสะดวกและเร็วขึ้น เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกันกับสถานะการครอบครองที่ดินเรื่องเจตนาหรือไม่เจตนาก็เกี่ยวพันกันตรงนี้ แต่ผลการประชุมกันครั้งนี้มีความชัดเจนขึ้นและจะขับเคลื่อนได้โดยความสบายใจ
ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. กล่าวว่า สำหรับกลุ่มแรกผิดชัดเจนอยู่แล้วสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที เรื่องนี้ไม่น่าจะยุ่งยากอะไรเพียงแต่คดีจะเยอะหน่อย ก็ต้องเห็นใจทางเจ้าหน้าที่ด้วยในการรวบรวมหลักฐานไม่ใช่ไปแจ้งแล้ว สามารถตัดสินกันได้เลยในวันเดียว ส่วนใครจะเป็นแจ้งความกล่าวโทษนั้น ใครมีอำนาจหน้าที่ล่ะ กองทัพภาคที่ 3 ผู้ขอใช้ประโยชน์มีเงื่อนไขวัตถุประสงค์ชัดเจน เมื่อพบมีการกระทำผิดกองทัพภาคที่ 3 ก็ต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายตรงนี้ก่อน จากนั้น พ.ร.บ.ป่าสงวนฯโดยกรมป่าไม้ก็ต้องเข้าไปดำเนินการ ส่วนการปลด รอส.หรือไม่นั้น ถ้าทำผิดก็ต้องทำตามข้อบังคับนั้น ซึ่งรอส.ทุกคนต่างรับทราบวิธีการและเงื่อนไขชัดเจนดีอยู่แล้ว และตรงนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ข่าวน่าสนใจ:
พลโทผดุงยังกล่าวถึงการรื้อฟื้นคดีตึกยักษ์และคดีรีสอร์ทอื่นๆที่อัยการสั่งไม่ฟ้องไปก่อนหน้านี้หรือไม่ว่า ต้องทำใหม่อยู่แล้ว ไม่ใช่จบแค่นี้ ทางเจ้าหน้าที่ต้องไปดูว่ามีหลักฐานใหม่ที่จะฟ้องอีกได้ไหม เป็นขั้นตอนของกฎหมายแต่ยันยันว่า คงไม่ปล่อยให้จบ ส่วนเรื่องจะมีการรื้อถอนกันหรือไม่คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเรื่องการกำหนดกรอบผลสุดท้ายอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับรัฐหรือไม่ยังไม่กล้าลงไปในรายละเอียด เป็นเรื่องของนโยบายที่จะต้องมีการหารือกันในภายหลัง
ข่าวแจ้งว่า สำหรับความคืบหน้าการรื้อคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ตามที่นายอรรถพล รองอธิบดีกรมป่าไม้ โดยประสาน ศปป.4 กอ.รมน.และทหารในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่สนับสนุนทางป่าไม้ เพื่อลงพื้นที่เก็บหลักฐานพยานเพิ่มเติมนั้น คณะเจ้าหน้าที่นำโดยพ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษ ศปป.4 กอ.รมน., นายสมศักดิ์ ชวนชม หน.หน่วยป้องกันพิทักษ์ป่าเพชรบูรณ์ที่ 2 (เขาค้อ) และ ร.ท.เอกชัย ดอนนาวิน หน.ชป.โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก เดินทางไปสอบปากคำคนงานเฝ้าสถานที่ก่อสร้างตึกอาคารขนาดใหญ่ที่บ้านส่งคุ้ม หมู่ 12 ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ
โดยพบผู้เฝ้าตึกรายนี้ให้การว่า รับจ้างเฝ้าสถานที่ก่อสร้างและอุปกรณ์วัสดุก่อสร้างต่างๆโดยได้รับค่าจ้างวันละ 450 บาท เฝ้ามาตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแล้ว อย่างไรก็ตามขณะสอบปากคำเบื้องต้นผู้รับจ้างเฝ้าตึกดังกล่าวสวมใส่โม่งไหมพรมปิดบังใบหน้า และยังใช้มือถือถ่ายบันทึกคลิปและเสียงการทำงานและสอบปากคำของทางเจาหน้าที่ไว้ทุกขั้นตอน โดยอ้างว่าจะส่งไปรายงานให้เจ้านายทราบโดยไม่แจ้งว่าเป็นใคร ทำให้คณะเจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้ง!แต่ภายหลังได้รับแจ้งถึงวัตถุประสงค์จึงยินยอมถอดโม่งไหมพรมและเปิดเผยใบหน้าต่อเจ้าหน้าที่ และหลังเสร็จการสอบปากคำทาง พ.อ.พงษ์เพชรพร้อมเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปที่สภ.เขาค้อ เพื่อนำบันทึกการสอบปากคำแจ้งบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: