เพชรบูรณ์-ชาวนาเฮ! ฝนเทต่อเนื่อง จังหวัดประกาศภัยพิบัติจากภัยแล้ง 10 อำเภอแล้ว คาดการณ์พื้นที่เพาะปลูกเสียหายเฉียดล้านไร่ ผู้ว่าฯ กำชับทำให้ถูกกฎหมาย พบทุจริต-แจ้งเท็จมีสิทธิ์ติดคุก
วันที 26 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดสภาวะเกิดฝนทิ้งช่วงจนทำให้เกิดภัยแล้งกระจายทั่วพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ จนชาวบ้านและเกษตรกร ต่างได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่เพียงขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้เท่านั้น แต่พืชผลการเกษตรที่เพาะปลูกไว้ได้รับความเสียหาย จนต้องพาร้องขอความช่วยเหลือจากทางภาคราชการนั้น ปรากฏว่าตลอดช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาได้มีฝนตกโปรยปรายเป็นระยะๆ ต่อเนื่อง กระจายครอบคลุมทั่วพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ จนทำให้ชาวนาเริ่มใจชื้นหลังจากมีน้ำเพียงพอจะปักกล้าดำนาต่อไป ส่วนต้นข้าวโพดหลังเริ่มได้รับน้ำ ทำให้พื้นที่บางส่วนเริ่มรอดจากการเหี่ยวแห้งตายเช่นกัน นอกจากนี้จากปริมาณฝนที่ตกต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาและล่าสุดตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ฝนก็ยังฝนตกโปรยปรายมาโดยตลอด จนเริ่มทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บกักหลักทั้ง 10 แห่งของจ.เพชรบูรณ์ ในขณะที่มีอ่างเฉลียงลับ อ.เมืองแห่งเดียวที่ยังไม่มีรายงานแจ้งว่ามีปริมาณน้ำจากภาวะฝนตกไหลเข้าอ่างเก็บกักแต่อย่างใด
ส่วนการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งก่อนหน้านี้ ในการประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด(ก.ช.ภ.จ.)เพชรบูรณ์ โดยมีนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นประธานฯ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติขากภาวะภัยแล้งจำนวน 10 อำเภอราวหนึ่งพันกว่าหมู่บ้านเศษ โดยเบื้องต้นพื้นที่ที่คาดการณ์จะได้รับเสียหายราว 9 แสนไร่เศษ โดยพืชหลักได้แก่ข้าวโพด 336,892 ไร่และข้าว 457,119 ไร่ อย่างไรก็ตามในที่ประชุมมีบางอำเภอแสดงความกังวลกรณีมีเกษตรกรลงทะเบียนเกษตรกรไม่ทันทำให้เหบือตกค้าง และบางอำเภอแสดงความไม่แน่ใจ ที่ช่วงนี้เริ่มมีฝนตกทำให้สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มคลี่คลาย จนทำให้ตัวเลขพื้นที่ประสบภัยอาจมีจำนวนลดลง
โดยนายนพดล คำนึงเนตร ปภ.จังหวัดเพชรบูรณ์กล่าวย้ำว่าการประกาศภัยพิบัติครั้งนี้สาเหตตุจากจากฝนทิ้งช่วงจนเกิดภาวะภัยแล้ง ส่วนความเสียหายจากหนอนกระทู้กัดกิน แม้จะทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง แต่ยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะประกาศให้เป็นภัยพิบัติ ด้านนายชาญชัย วงษ์สถาน นักวิชาการสนง.กษตรจังหวัดฯระบุว่า ตามเงื่อนไขการรับรองนั้นพื้นที่เพาะปลูกต้องเสียหายอย่างสิ้นเชิงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่เกิน 10% และเกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนหลังลงมือเพาะปลูกภายใน 15 วัน จึงจะได้รับการช่วยเหลือได้ไม่เกิน 30 ไร่
ในขณะที่นายสืบศักดิ์กล่าวกำชับให้ทางนายอำเภอช่วยดูแลให้ทำตามระเบียบกฎหมาย เพราะหลังประกาศฯแล้วคณะอนุกรรมการที่อำเภอแต่งตั้งจะร่วมกับทางเกษตรต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบและรับรองพื้นที่ประสบภัย ซึ่งเงื่อนไขสำคัญคือเกษตรกรจะต้องลงทะเบียนซึ่งพยายามย้ำมาตลอด และการแจ้งข้อมูลต้องถูกต้องตรงกับพื้นที่เสียหายจริง หากตรวจสอบพบมีการทุจริตก็ต้องถูกลงโทษถึงขนาดถูกจำคุกซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้ว ทั้งนี้เมื่อมีการตรวจสอบแล้วจะมีการนำผลไปประกาศที่หมู่บ้าน 3 วัน และยังต้องมีการทำประชาคมอีกด้วย
