เพชรบูรณ์-ผรท.เข็กน้อยบุกทวงที่ดิน อ้างรอ 37 ปีแต่ยังไร้ที่ทำกิน ขู่จะกลับภูขี้เถ้าภูมิลำเนาเดิม รองผู้ว่าฯ ชี้เข้าไปมีหวังถูกจับกุมเดือดร้อนแน่ จ่อชงเข้าคทช.จังหวัด (ชมคลิป)
เวลา 14.00 น.วันที่ 30 กันยายน กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.) กลุ่ม 5 ซึ่งเป็นราษฎรชาวเขาเผ่าม้ง ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จำนวนราว 50 คน นำโดยนายหน่อใจ แซ่หลอ แกนนำฯ เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เรื่องขอกลับภูมิลำเนาเดิมที่บ้านภูขี้เถ้า ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยนายหน่อใจได้อ้างถึงนโยบาย 66/23 หลังจากชาวม้งได้ถูกอพยพออกจากบ้านภูขี้เถ้า และมอบตัวที่ศูนย์เร่งรับผู้กลับใจ กองทัพภาคที่ 3 ที่บ้านเข็กน้อย และมีการรับปากจะจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่เพื่อที่อยู่อาศัยให้ แต่หลังผ่านไป 37 ปีปัจจุบันยังกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัยและไม่มีที่ดินทำกิน ที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามหาพื้นที่หลายแปลง แต่ไม่สำเร็จและมีการโยนกันไปมาระหว่างหน่วยงาน ทำให้ความช่วยเหลือล่าช้า
นายหน่อใจยังระบุด้วยว่า แม้กองทัพภาคที่ 3 สมัยพลโทปรีชา จันทร์โอชา เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 มีการเสนอจัดตั้งโครงการหมู่บ้านเถื่อความมั่นคงบ้านขี้เถ้าแต่ไม่มีความคืบหน้า จากอดีตถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 37 ปีการแก้ไขปัญหายังไม่จบสิ้น ทางกลุ่ม ผรท.กลุ่ม 5 จำนวน 22 ครอบครัว 177 คน ซึ่งยืนกรานต้องการที่ดินทำกินโดยไม่ต้องเงินชดเชยแต่อย่างใด จึงตัดสินใจจะพากันกลับไปยังบ้านภูขี้เถ้าในวันที่ 14 ตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยไม่สนใจว่าบ้านภูขี้เถ้าปัจจุบันจะถูกประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามนายสาคร รุ่งเรือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เชิญกลุ่ม ผรท.ดังกล่าวเข้าประชุมหารือ โดยทักท้วงว่าในการเดินทางเข้าไปยังบ้านภูขี้เถ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางกรมอุทยานฯ เจ้าของพื้นที่ ก็เป็นการกระทำผิดกฎหมาย สุดท้ายต้องถูกจับกุมดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อนอีก จากนั้นได้ให้ข้อชี้แนะ โดยทางจังหวัดฯ จะเร่งส่งหนังสือไปยังกระทรวง ทส. ขณะเดียวกันจะนำเรื่องนี้เข้าคณะนโยบายที่ดินจังหวัด เพื่อหาแนวทางให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามก่อนนายหน่อใจและพวกจะเดินทางกลับ ได้ยื่นหนังสือฯโดยมีนายเวทิน พุ่มอินทร์ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯ และตัวแทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯเป็นผู้รับมอบหนังสือฯดังกล่าว
