เกษียณในวัย 50 ปี – ผมพึ่งมารู้เรื่องสำคัญมากๆเมื่อปี 2559 มันจำเป็นมากที่เราจะต้องวางแผนเกษียณให้กับตัวเอง ถ้าวันหนึ่งเราต้องกลายเป็นคนที่หยุดทำงาน อยู่บ้านเฉยๆ และต้องการหมดกังวลเรื่องเงิน คำถามคือเราจะต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ถึงจะไปอยู่ในจุดที่ไม่ต้องทำงานก็เอาตัวรอดได้สบายๆในวัย 50 ปีแล้วไปตายตอน 80 ปี…???
วิธีการคำนวนก็แสนเรียบง่าย แค่คุณจินตนาการเอาไว้ว่าในวัย 50 ปี คุณจะใช้เงินวันละประมาณเท่าไหร่ วันละ 500 บาท 1,000 บาท หรือว่าเอาแบบรวยๆหน่อย วันละ 2,000 บาท จากนั้นคูณด้วย 10,800 วัน ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นตัวเลขเท่าไหร่ นั่นคือเงินออมที่คุณควรจะมีตอนอายุ 50 ปีครับ
· ถ้าใช้เงินวันละ 500 บาท จะต้องมีเงินเก็บ 500 x 10,800 = 5,400,000 บาท
· ถ้าใช้เงินวันละ 1,000 บาท จะต้องมีเงินเก็บ 1,000 x 10,800 = 10,800,000 บาท
· ถ้าใช้เงินวันละ 2,000 บาท จะต้องมีเงินเก็บ 2,000 x 10,800 = 21,600,000 บาท
ตอนที่ผมคำนวนเล่นๆแบบไม่เครียดว่าตอนเกษียณอยากจะท่องเที่ยว มีบ้านเดียว มีรถขับ อยากไปเที่ยวไหนก็ไป นอนค้างโรงแรมไหนก็นอน เงินที่ต้องเตรียมในวัยชราอยู่ที่ 30,000,000 ล้านบาท เฮ้ย อะไรมันจะเยอะขนาดนั้น…!!! ตอนแรกไม่เครียด พอคำนวนเส็รจปุ๊ปเครียดเลย ข้อมูลต่อไปนี้ที่ผมจะเขียนมันจะจริงจังมากๆ ใครหัวใจไม่ดีข้ามไปอ่านโพสต์อื่นๆนะครับ
ถ้าเรามีเป้าหมายแล้ว จะต้องทำตามเป้าหมายยังไงดี
พื้นฐานของการเงินที่ผมว่าทุกคนจะต้องเรียนรู้ให้แน่นสุดๆคือการออมเงินครับ เพราะถ้าเราไม่สามารถเก็บเงินได้ ทำงานมาเท่าไหร่เงินไหลออกจากกระเป๋าเป็นสายน้ำหมด อย่างนี้ไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่นๆอย่างการลงทุนครับ เพราะมันพังตั้งแต่ยังไม่เริ่มขาดทุนแล้ว ในประเทศไทยมีคนน้อยมากๆที่มีเงินพอใช้เมื่อตัวเองเกษียณ ถ้าผมไม่เรียนรู้เรื่องการเริ่มออมเงิน ผมคงอยู่ในกลุ่มคนไม่มีเงินพอเลี้ยงดูตัวเองในวันข้างหน้าแน่นอน พอกางกระดาษเพื่อคำนวนว่าจะต้องเก็บเงินเดือนเท่าไหร่ ยิ่งตะลึงในความน่ากลัวของการละเลยเรื่องวางแผนการเงิน
– ตารางออมเงิน –
ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ใหญ่ที่อายุล่วงเลยไปสู่วัยชราถึงได้เน้นนักเน้นหนาว่าเราจะต้องรู้จักการใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะวัยรุ่นเป็นวันที่เรายังมีเรี่ยวแรงมหาศาล ถ้าเราใช้เรี่ยวแรงนั้นไปในทางสร้างสรรค์ ทำงานประจำอัพเงินเดือน สร้างเส้นทางนายตัวเองเพื่อหารายได้เพิ่ม และเรียนรู้เรื่องการลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย การบ้านของเราก็จะยิ่งง่ายขึ้นเพราะเรามีเวลาเหลือเฝือ แต่ถ้าเราเริ่มวางแผนตอนอายุเยอะแล้ว การบ้านของเราก็จะยากขึ้นทวีคูณ นี่ยังไม่รวมเรื่องชวนปวดหัวอย่างเงินเฟ้อ การเจ็บป่วย ท่องเที่ยว และการควักเงินซื้อของขวัญให้ตัวเองนะครับ
เกษียณ น่ากลัวขนาดไหน…???
เราควรกังวลเรื่องเกษียณขนาดไหนกัน…??? ในมุมมองของผม ผมมีความคิดเห็นว่าถึงแม้วันหนึ่งถ้าเราอายุ 50 ปีแล้วจริงๆแล้วยังไปไม่ถึงจุดเกษียณอายุตัวเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหมดเรี่ยวแรงทำงานอย่างที่ใครๆเขาพูดกัน ผมก็เคยเห็นคนเกษียณที่ไม่ได้ร่ำรวยจากงานประจำ แต่พอลาออกจากงานเพื่อมาใช้ชีวิตบั้นปลาย ด้วยความที่เงินออมมันไม่พอเลี้ยงตัวเอง เขาก็หาอาชีพอื่นทำเพื่อหารายได้เลี้ยงตัว กลายเป็นคนที่หาเงินได้หลายหมื่นหลายแสนบาทต่อเดือนก็มีครับ แสดงว่าถ้าเราวางแผนเกษียณไม่ทันจริงๆ เราก็แค่ทำเหมือนสมัยตอนทำงานสิ เอาเรี่ยวแรงของเราไปสร้างธุรกิจหรือกลับไปทำงานประจำอีกครั้งก็สิ้นเรื่อง
คุณลุงแถวบ้านผมคนหนึ่งแกก็ไม่ทำงานแล้ว แต่แกมีรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่สะสมไว้ตั้งแต่ตอนหนุ่มๆ ตกเดือนหนึ่งค่าเช่าก็ 50,000 กว่าบาท ผมเห็นชีวิตของแกเดินไปเดินมา พูดคุยกับคนนั้นทีคนนี้ที ดูแล้วไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องเงินซักเท่าไหร่ ดูแล้วผมก็แอบเคลิ้ม อย่างน้อยผมก็สามารถเลียนแบบวิธีการหาเงินของแกได้ นี่เป็นครูชัดๆ และปีนี้ผมตั้งใจว่าจะต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้คนอื่นเช่าแหล่งที่ 2 ให้จงได้…!!! ซึ่งผมเคยเขียนเรื่องนี้เอาไว้ในตอน อสังหาริมทรัพย์ VS ทรัพย์สินทางปัญญา กับ Passive income ด้วยครับ
ชีวิตจริงหลังเกษียณ
ถ้าคุณคิดว่าเกษียณแล้วชีวิตคุณน่าจะใช้เงินไม่เยอะ หรือว่าคุณมั่นใจว่าชีวิตของคุณจะสุขสบายหลังเกษียณจริงๆ ผมมองว่ามันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะผมเคยตกงานไม่มีอะไรทำเกือบ 2 เดือนเต็มๆ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุดในชีวิต ผมแทบอยากจะออกไปหาอะไรทำให้มันหาเบื่อ แต่ก็ติดตรงที่ว่าไม่มีเงิน บวกกับสมัยนั้นผมเป็น Tarot Reader โดยใช้ชื่อว่า Vittarot.com ผมเลยได้มีโอกาสสนทนาคนวัยเกษียณที่มาดูไพ่กับผมเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตดีหลายคน
ผมยังจำเรื่องราวได้ดี พี่ผู้ชายคนหนึ่งเขามีความฝันว่าอยากจะเป็นเจ้าของสวนเกษตรของตัวเองซักครั้งในชีวิต เขาเก็บความฝันจนกระทั่งล่วงเลยถึงวัย 50 กว่าปี เมื่อเขาคิดว่าตัวเองหมดไฟทำงานแล้ว เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานมาทำเกษียณอย่างเต็มตัว ผลลัพธ์ที่ได้เหรอ…??? พี่เขาก็หมดตัว เงินเก็บตลอดชีวิตละลายหายไปกับการทำตามความฝันของตัวเอง ที่เฮงซวยกว่านั้นคือพี่เขาไปค้นพบว่าเขาไม่ได้อยากเป็นเกษตรกรเลย ความฝันที่ผ่านๆมา จินตนาการมันพาไปล้วนๆ
โหย น่ากลัวชะมัด
คำถามที่ผมนั่งเฝ้าถามตัวเองตลอดเวลา คือ ถ้าเรามีสิ่งที่อยากจะทำตอนวัยเกษียณ แล้วเรารอให้ถึงวัยเกษียณก่อนค่อยลงมือทำ ถ้าเกิดสิ่งที่เราเฝ้ารอมาทั้งชีวิตมันกลายเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการจริงๆหละ จะเกิดอะไรขึ้น ผมเลยลองทดสอบสมมุติฐานด้วยการแบ่งความฝันแล้วลงมือทำซะเลย
· เมื่อเกษียณผมอยากใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด หลังจากที่ได้ลองอาศัยอยู่บ้านของแพมที่ต่างจังหวัดเกือบ 20 วัน ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าผมรักกรุงเทพ นี่ถ้าผมย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแบบตลอดไปตอนอายุ 50 จริงๆ ก็คงรู้สึกไม่มีความสุขน่าดู
· เมื่อเกษียณผมอยากจะเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก ผมเลยตัดสินใจหนีเมียไปเที่ยวคนเดียวที่สิงค์โปร 7 วัน ขอยอมรับจากหัวใจเลยว่าการท่องเที่ยวมันไม่ได้อยู่ใน DNA ของผมเลย ผมคิดถึงบ้านตลอดและครอบครัวเวลาที่อยู่ที่นั่น นี่ถ้าผมตัดสินใจไปเที่ยวรอบโลกในวัย 50 ปีตามลำพัง ผมอาจจะจบชีวิตตัวเองระหว่างทางเพราะทนความเหงาไม่ได้ ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยชอบเข้าสังคมแต่ก็ไม่ได้อยากโดดเดี่ยวขนาดนั้น แต่ผมมีความสุขมากๆเลยนะ ที่ได้ไปเที่ยวทริปสั้นๆกับครอบครัวและมาดามแพม มันทำให้ผมรู้ว่า อ๋อ เราควรจะจัดทริปเที่ยวต่างประเทศซักปีละ 1 – 2 ครั้งก็พอ ถ้ามากกว่านั้นก็ไม่ไหวครับ
จากการทดลองทำตามความฝันเกษียณ ผมค้นพบว่าสิ่งที่ผมชอบที่สุดและอยากทำมากที่สุดกลับกลายเป็นสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด ใช่ ในที่สุดผมก็เจอไลฟ์สไตล์ในฝัน นั่นคือ การอยู่บ้าน เปิดแอร์เย็นๆ เล่นกับแมว ออกไปเที่ยวห้าง เขียน Blog สร้างรายได้โดยออกจากบ้านให้น้อยที่สุด ไม่ต้องยุ่งกับคน ไม่ต้องมีลูกจ้างประจำเน้นกระจายงานให้ Freelance บ้าง อ่านหนังสือสนุกๆ และซื้อเกมส์ดีๆมาเล่นเท่านั้นเอง นั่นหมายความว่าทุกวันนี้ผมก็ใช้ชีวิตเกษียณในฝันแล้วโดยที่ยังมีเงินเก็บไม่ถึง 10 ล้านด้วยซ้ำ (ปัจจุบันนี้เงินเก็บ 5 ล้านก็ยังไม่ถึงเลยครับ) ผมใช้ชีวิตกึ่งเกษียณได้ถึงแม้จะไม่ได้รวยมาก แต่ก็มีรายได้มากพอที่จะสร้างไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองต้องการ ซึ่งไลฟ์สไตล์ที่ผมต้องการมันใช้เงินไม่เยอะเลย รายจ่ายของผมตกเดือนละ 35,000 – 40,000 บาทเท่านั้นเอง
คนรุ่นใหม่ควรจะทำยังไงดี
ตอนแรกหลังจากที่เรียนรู้เรื่องการวางแผนการเงินสำหรับวัยเกษียณ ผมก็ประสาทรับประทานไปช่วงหนึ่งครับ แต่แสงสว่างและทางออกมันก็เฉิดฉายมากทางผมจนได้ มีหนังสือ 2 เล่มจริงๆที่ให้คำตอบกับผมในเรื่องนี้ 1 ก็คือ ทำน้อยแต่รวยมาก ของ Tim Ferriss กับ เปลี่ยนเลนเป็นเศรษฐี ของ MJ Demarco ทั้งสองคนสอนการสร้างวิธีการเกษียณคนละรูปแบบกัน แต่มันสามารถนำไปใช้ได้จริงทั้ง 2 รูปแบบ โดย Tim Ferriss จะเน้นสอนให้สร้างไลฟ์สไตล์ในแบบที่คุณต้องการควบคู่กับการหาเงินไปด้วย และ MJ Demarco จะเน้นสอนให้คุณเกษียณตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว
แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ต้องวางแผนเกษียณด้วยการออมเงินเอาไว้ด้วย คิดซะว่ามันคือแผนสำรองในกรณีที่คุณไม่สามารถทำตามคำสอนของ 2 คนข้างบนได้ครับ ถ้าคุณอยากจะศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด ผมแนะนำให้คุณฟังคลิปวีดีโอของ Money Coach ผู้ชายที่ทำให้คนไทยมีอิสรภาพทางการเงินมาเยอะแล้ว ส่วนผมเองยังเป็นเหมือนกับคนส่วนใหญ่ครับ คือกำลังมุ่งไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือการเกษียณให้ได้ ที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อหาพวกล้วนๆ อย่างน้อยก็อยากมีคนเดินจูงมือไปสู่การวางแผนเกษียณด้วยกัน แน่นอน ถ้าวันหนึ่งผมหมดกังวลเรื่องเงินอย่างสมบูรณ์แบบ ผมจะมาเขียนประกาศให้โลกรู้เลยครับว่าทำได้ยังไง แต่ตอนนี้ ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ
และเมื่อผมคุยกับมาดามแพมแบบจริงๆจังๆ
ผมพยายามสะสมเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อแผนการเกษียณจนกลายเป็นตีงไป เมียผมก็เตือนสติด้วยการถามผมว่า “แล้วถ้าเราไปไม่ถึงอายุ 50 หละ ถ้าเกิดเราตายกันก่อนอายุ 50 หละ จะเสียดายที่ไม่ได้ใช้เงินซื้อความสุขมั้ย…???” เออ ถูกต้องของแพม ถ้าเราทำงานหาเงินมาแต่ไม่ได้สนองความต้องการของตัวเองบ้าง มันก็ดูจะอึดอัดกับชีวิตไปหน่อย ถ้าเกิดผมต้องตายก่อนถึงอายุ 50 จริงๆ ผมก็คงจะเสียดายที่ไม่ยอมใช้เงินซื้อในสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือจ่ายเงินเพื่อซื้อประสบการณ์ที่จะกลายเป็นความทรงจำตลอดไปจริงๆ สุดท้ายชีวิตก็ต้องมีทางสายกลาง
เนื้อหาแถม ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ถ้าจะเกษียณ Version Animation ครับ
สามารถติดต่อผลงานเพิ่มเติมได้ที่
Website – http://www.startyourway.com/
YouTube – https://www.youtube.com/user/vittarot/featured?disable_polymer=1
Facebook – https://www.facebook.com/startyourwaybyvit/
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: