อุบลราชธานี – หนุ่ม สาว เมืองดอกบัว วอนสื่อประกาศหาเบาะแส มิจฉาชีพ อ้างตัวหลอกเป็นนายตำรวจ ปปส. ลงพื้นที่ทำงานลับ ก่อนตีสนิทหาพระเครื่องให้ อ้างนำไปให้หัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ สุดท้ายชิ่งหนีต้องรับกรรมใช้หนี้ ครึ่งล้าน เจ้าตัวเผยหวังนายหน้ารักษาคนในครอบครัวป่วยหนัก
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 27 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากนายพูลสวัสดิ์ ดุจดา อายุ 24 ปี และนางสาวพัชรี คุณสมบัติ อายุ 30 ปี ให้ช่วยประกาศตามหาเบาะแส 2 มิจฉาชีพ ชาย หญิง อ้างตัวเป็นนายตำรวจลับ สังกัด ปปส. ลงพื้นที่ปราบปรามยาเสพติด พร้อมทั้งอ้างมีพระผู้ใหญ่ และข้าราชการมีสีระดับสูงมีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนจะหลอกตีสนิทจนตายใจแล้วให้หาพระเครื่องหลวงปู่หมุน 14 รายการราคารวม ครึ่งล้านหนีเข้ากลีบเมฆลอยนวล
นายพูลสวัสดิ์ เปิดเผยว่าตนเองมีอาชีพเป็นเอเจนซี หาห้องพักคอนโดในจังหวัดอุบลราชธานี ผ่านเวปไซด์ต่างๆ ประมาณช่วงเดือน กรกฎาคม 61 ได้มีชายอ้างตัวชื่อผู้การพี เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปส.ติดต่อเข้ามาเพื่อให้หาคอนโดให้ ระบุจะเข้าพักระหว่างันที่ 1-9 สิงหาคม 61 ก่อนถึงวันผู้การปลอมรายนี้ได้สร้างความมั่นใจ โดยการโอนเงินค่าเช่าคอนโดมาให้ จำนวน 36,000 บาทและส่งพัสดุเป็นเครื่องใช้ถ้วยจานมาให้เก็บไว้ในคอนโด แห่งหนึ่งกลางเมืองอุบลราชธานี
ต่อมาวันที่ 8 สิงหาคม มิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นผู้การพี เดินทางมาด้วยรถยนต์เก๋ง ออดี้สี แดงอมน้ำตาล หมายเลขทะเบียน พว 7170 กรุงเทพฯ เข้ามาที่คอนโดซึ่งตนและแฟนก็ได้เข้าให้การต้อนรับและดูแลมาโดยตลอด ระหว่างที่อยู่ด้วยกันมิจฉาชีพรายนี้ได้ทำทีว่ามีสายเข้าจากหัวหน้าพรรคการเมืองระดับชาติ นายตำรวจระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติโทรเข้ามาตลอด สอบถามเรื่องครอบครัว เรื่องส่วนตัวรับปากว่าจะเอาไปทำงานราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ทำให้ตนและแฟนมีความเชื่อว่าเป็นนายตำรวจระดับผู้ใหญ่จริง
หลังจากที่เริ่มวางใจมากขึ้นมิจฉาชีพได้สอบถามว่าพอจะหาพระหลวงปู่หมุนวัดบ้านจานให้ได้หรือไม่ เนื่องจากนายที่กรุงเทพ มีความต้องการตนจึงได้ติดต่อไปหาเพื่อนที่จังหวัดศรีสะเกษ สอบถามว่ามีพระเครื่องหลวงปู่หมุนวัดบ้านจานหรือไม่ปรากฎว่าเพื่อนที่จังหวัดศรีสะเกษ รับปากว่าจะหามาให้ดูซึ่งทั้งหมดก็มานัดดูพระกันที่คอนโดนวันที่ 18 ส.ค.61จำนวน 14 รายการมูลค่าเช่าบูชาที่ 500,000 บาท มีนางสาวพัชรี แฟนสาวเป็นผู้เซ็นต์รับพระไว้ก่อนจะมอบให้มิจฉาชีพรายนี้ส่องดูเนื้อพระ
หลังจากที่ส่องพระแล้วมิจฉาชีพรายนี้ได้ออกอุบายว่า ต้องเอาไปให้เซียนพระที่จังหวัดสุพรรณบุรี ดูว่าเป็นแท้หรือไม่หากเป็นพระแท้ก็จะโอนเงินให้ทันที 5 แสนบาท เช้าวันที่ 19 ส.ค.61 ตนเอง นางสาวนพัชรี แฟนสาว และมิจฉาชีพได้เดินทางออกจากจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อไปจังหวัดสุพรรณบุรีโดยพักค้างคืนที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรามอินทรา 91/1 กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปหาเซียนพระที่จังหวัดสุพรรณบุรี
เช้าวันที่ 20 มิจฉาชีพรายนี้ได้ออกอุบายบอกตนว่าเซียนพระที่จะให้ดูพระไปหาลูกชายที่ จังหวัดนครราชสีมาจึงได้เดินทางออกจากโรงแรมที่พักเวลา 13.00 น. (20 ส.ค) เพื่อไปจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างที่เดินทางมิจฉาชีพรายนี้ได้ขับรถด้วยความเร็วจนตามไม่ทันหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกจนถึงปัจจุบัน ทำให้ตนเองและแฟนต้องหาเงิน 5 แสนบาท มาชดใช้เจ้าของพระ
นางสาวพัชรี กล่าวถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ที่มิจฉาชีพรายนี้ก่อขึ้นว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวเดือดร้อนมากถูกเจ้าของพระแจ้งความเอาผิด ต้องหาเงิน 5 แสนมาชดใช้หรือเอาพระมาคืนปัจจุบันครอบครัวของตนเองและแฟนลำบากอยู่แล้ว แม่แฟนก็ป่วยเส้นเลือดตีบเครียดไม่ได้ พี่ชายตนเองก็ป่วยนอน ไอซียู ต้องหาเงินมาดูแลรักษาหากต้องมาจ่ายเงินค่าพระที่มิจฉาชีพเอาไปอีก ตนก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไง ตนจึงอยากวิงวอนขอให้ ทั้ง 2 คน ได้นำพระมาคืนหรือหากเอาไปปล่อยเช่าแล้วก็ขอให้นำเงินมาคืนให้เจ้าของพระ สำหรับพี่น้องประชาชนท่านใดที่พบเห็นหรือสามารถให้ข้อมูลเบาะแสดำเนินการจับกุมตัวมิจฉาชีพ 2 คนนี้ได้ ตนจะขอมอบสินน้ำใจให้ 5 หมื่นบาท โดยแจ้งมาที่ 095-892-1113
ด้าน พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รองผู้กำกับการสอบสวน(หัวหน้างานสอบสวน) กล่าวถึงคดีนี้ว่าหลังจากที่รับคำร้องทุกข์จากผู้เสียหายแล้วทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการเร่งรัดหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วขณะนี้ทางชุดสืบสวนได้มีการดำเนินการวางแนวทางสืบสวนไว้แล้วคาดว่าไม่นานจะทราบตัวคนร้ายเป็นใครอย่างไร ส่วนในเรื่องของความผิดนั้นเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ เป็นฐานความผิดอันยอมความได้หากนำเงินหรือทรัพย์นั้นมาคืนให้ผู้เสียหายจนเป็นอันที่พึ่งพอใจเจ้าทุกข์ก็สามารถถอนคำร้องทุกข์คดีนั้นก็สามารถระงับได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: