อุบลฯ จัดระเบียบคัดกรองผู้โดยสารสนามบินเข้มข้นตามหาตัวผู้เข้าข่ายได้ใน 1 ชม.
นายอุทัย ทองเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะรองผู้บัญชาการควบคุมโรคระบาดจังหวัดและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคติดต่อที่ 10 ประชาสัมพันธ์กับผู้โดยสารที่เดินทางมากับสายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นเพียงสายการบินเดียวที่ยังเปิดให้บริการรับส่งผู้โดยสารทางอากาศจากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯมายังจังหวัดอุบลราชธานี และจากจังหวัดอุบลราชธานีไปกรุงเทพฯ วันละ 1 เที่ยวบิน
โดยก่อนผู้โดยสารจะออกจากตัวเครื่องบิน จะมีเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิด้วยมือเข้าวัดอุณหภูมิของร่างกาย พร้อมแจกเจลใช้ล้างมือฆ่าเชื้อโรค หากพบผู้โดยสารมีไข้หรืออุณหภูมิสูงผิดปกติ จะถูกแยกตัวออกไปนั่งพัก เพื่อทำการตรวจวัดซ้ำอีกครั้ง ถ้าอุณหภูมิในร่างกายไม่ลดลง จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเข้ารับการรักษา
ส่วนผู้โดยสารที่มีร่างกายปกติ จะให้เดินออกไปตามช่องทาง โดยต้องมีการทิ้งระยะห่างกัน ทั้งระหว่างรอรับกระเป๋าหรือขณะจะออกจากสนามบิน และให้ใช้เจลล้างมือฆ่าเชื้อซ้ำอีกที ซึ่งจุดนี้ ก็มีการตรวจอุณหภูมิร่างกายซ้ำด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน
และก่อนจะออกจากสนามบิน ผู้โดยสารทุกคน ต้องกรอกประวัติการเดินทางลงในเอกสารที่เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขเตรียมไว้ให้ โดยจะมีข้อสอบถามตำแหน่งที่นั่งในเครื่องบิน เดินทางมาจากไหน ต้องการจะไปไหน
และในช่วง 14 วัน เคยมีอาการเป็นไข้มาก่อนหรือไม่ รวมทั้งระหว่างนั้นได้สัมผัสใกล้ชิดกับใครบ้าง พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ใช้ติดต่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตามหาตัวได้ทันทีในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง หากภายหลังพบว่าเที่ยวบินดังกล่าวมีผู้ป่วยโควิด 19 โดยสารมาด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดได้เร็วยิ่งขึ้น
ซึ่งการคัดกรองนี้ จะทำทั้งเที่ยวบินขาเข้ามาจังหวัดอุบลราชธานี และขาออกจังหวัด เพื่อสะดวกในการใช้แก้ปัญหาโรคระบาด สำหรับเที่ยวบินขาเข้าวันนี้ เจ้าหน้าที่พบหญิงอายุ 39 ปี ประกอบอาชีพนวดแผนโบราณกลับมาจากประเทศมาเลเซีย เดินทางมาด้วย จึงได้เชิญตัวไปพักยังศูนย์สังเกตอาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี วิทยาเขตบ้านยางน้อย อ.เขื่องใน เป็นเวลา 14 วันด้วย
สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดของจังหวัด วันนี้ ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 14 คน รักษาหายแล้ว 11 คน ให้กลับบ้านได้ 7 คน อีก 4 คน ยังกักตัวดูอาการที่ศูนย์ควบคุมโรคมหาวิทยาลัยราชภัฏ วิทยาเขตบ้านยางน้อย อ.เขื่องใน ต่ออีก 14 วัน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3 ราย โดยโรคมีอาการไม่รุนแรง รอผลตรวจโรค 10 คน
ส่วนผู้เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงจากต่างประเทศ และพื้นที่การระบาดในประเทศ ซึ่งต้องกักตัวดูอาการที่บ้าน 14 วัน มี 16,142 คน โดยพ้นระยะกักแล้ว 2,080 คน อยู่ระหว่างการสังเกตการ 14,062 คน ซึ่งได้ติดตามให้คำแนะนำช่วงกักตัวครบทุกคน
และเมื่อคืนวันที่ 5 เม.ย.เจ้าหน้าที่ประจำด่านในอำเภอเดชอุดม ได้ควบคุมตัวเยาวชนชาย 2 คนที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวออกจากบ้านพัก ดำเนินคดีฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย
เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์ ข่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: