อุบลราชธานี-จับตา!การเมืองไทย รับหรือไม่รับ 17-18 พ.ย. 2563 ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60
อิสสระ สมชัย กรรมาธิการเพื่อพิจารณาญัตติแก้รัฐธรรมนูญ กล่าวว่า วันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2563 ที่จะถึงนี้ จะมีการพิจารณารับหลักการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นไปตามนโยบายตามที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อสภาว่าด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญจะต้องมีการแก้ไข โดยหลังจากใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ได้มาระยะหนึ่งพบว่ามีบางส่วนต้องมีการปรับแก้ไข ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาเป็นพรรคแรกและต่อมาพรรคร่วมรัฐบาลประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาเช่นกัน
โดยขณะนี้มีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด 7 ฉบับ เป็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 1 ฉบับ พรรคร่วมรัฐบาล 1 ฉบับ พรรคเพื่อไทย 3 ฉบับ และโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) 1 ฉบับ ซึ่งในเวลานี้มีการพิจารณาไปแล้ว 6 ฉบับ แต่ทว่ายังไม่มีการลงมติรับหลักการ เพราะมีการอภิปรายเสนอจาก สว. ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ ก่อนรับหลักการ
ซึ่งปรากฏว่าได้มีการศึกษาครบถ้วนแล้วทั้ง 6 ฉบับ ภายในเวลา 30 วัน ส่วนอีก 1 ฉบับของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ยังไม่มีการพิจารณาแบบร่างแต่กำลังอยู่ในช่วงตรวจสอบลายมือชื่อของภาคประชาชนที่เสนอร่างแก้ไขเข้ามา และในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน จึงมีการเปิดสภาลงมติรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ
ทั้งนี้การตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หลายคนมองว่าเป็นเพียงการยื้อเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อิสสระ สมชัย อธิบายว่า การตั้งคณะกรรมาธิการนี้บรรดา สว. อยากให้มีการพิจารณาข้อกฎหมาย เพราะข้อกฎหมายบางข้อต้องพิจารณาความถูกต้องอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้การลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ สว. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่สร้างความขัดแย้งต่อสังคม ซึ่งส่วนตัวตนเชื่อว่าการพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (17พ.ย.) 6 ฉบับที่พิจารณาแล้ว และ 1 ฉบับของ (iLaw) น่าจะมีการรับหลักการแต่อาจไม่ได้รับทั้งหมด 7 ฉบับ
ซึ่งการแก้ไจรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะไม่มีการแก้ไขใหม่หมดทั้งฉบับจะเว้นแต่จะหมวด 1 และ 2 ไว้ โดยหลังจากผ่านวาระพิจารณาครั้งที่ 1 2 และ 3 แล้ว จึงจะมีการตั้ง สสร. ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญเป็นเสียงจากประชาชน ส่วนหลังจากนี้ขั้นตอนต่อไปหากมีการรับหลักการจะมีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมา เพื่อพิจารณายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และหลังจากพิจารณาเสร็จเรียบร้อยสภาจึงจะกำหนดระยะเวลาร่าง ทั้งนี้เมื่อวาระครั้งที่ 2 3 เห็นชอบ จึงจะมีการทำประชามติและถวายรัฐธรรมนูญให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงปรมาภิไธยต่อไป
ส่วนในวันพรุ่งนี้นั้นที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะชุมนุมล้อมรัฐสภา ด้านกรรมาธิการเพื่อพิจารณาญัตติแก้รัฐธรรมนูญ เผยว่า มีการเตรียมทางหนีทีไล่สำรองไว้หากเกิดเหตุสุวิสัยจะมีการโดยสารเรือออกทางด้านหลัง และนอกจากนี้ยังอยากฝากถึงประชาชนว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่รับฟังเสียงประชาชนมากกว่ารัฐบาลอื่นในอดีตจึงอยากให้ประชาชนเห็นใจรัฐบาลชุดนี้บ้างสักหน่อย
ชิษณุพงศ์ สุนทรพาณิชย์ / เรียบเรียง
