อุบลราชธานี – หนุ่มอุบลฯ ควบกระบะกลับจากดูหมอลำ พุ่งชนจักรยานยนต์วัยรุ่นคู่อริเสียชีวิต 1 บาดเจ็บสาหัส 2 อ้างถูกไล่ยิงจนเสียหลักพุ่งชนไม่ได้เจตนา
จากกรณี เพจศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัดอุบลราชธานี EMS UON 1669 โพสต์ข้อความ #รับแจ้งอุบัติเหตุ กระบะ+จยย.+จยย.บริเวณถนนบ้านสามัคคี ต.ปุเปือย อ.น้ำยืน มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 5 ราย ชาย 4 รายหญิง 1 ราย แยกเป็นผู้บาดเจ็บปานกลาง 3 ราย สาหัส 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายอายุประมาณ 28 ปี หมดสติ ปลุกไม่ตื่น ไม่มีชีพจร กู้ชีพเทศบาลน้ำยืน CPR นำส่งต่อให้รถพยาบาลรพ.น้ำยืน การช่วยเหลือไม่เป็นผล ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตที่ รพ.ในเวลาต่อมา ซึ่งในเพจดังในจังหวัดอุบลราชธานี มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดจากการไล่ยิงกันของกลุ่มวัยรุ่นที่ไปดูหมอลำในงานวัดในพื้นที่ตำบลบุเปือย
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อเวลา 10.00 น. (14 เม.ย.) บริเวณศาลากลางบ้านสามัคคี ต.บุเปือย จุดเกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่กำลังยกรถกระบะมาสด้าแคป สีขาว หมายเลขทะเบียน ผต 5753 อุบลราชธานี มีนายสุรชัย จัดโสภา อายุ 27 ปี เป็นผู้ขับขี่ สภาพด้านหน้ารถมีร่องรอยการเฉี่ยวชน ล้อหน้าด้านขวามีรอยคล้ายรูกระสุน ทะลุล้อทำให้ยางแตกได้รับความเสียหาย ข้างกันพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า PCX สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนสภาพพังยับทั้งคัน ส่วนรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟสีม่วง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเจ้าหน้าที่นำกลับไปเก็บรักษาที่ สภ.น้ำยืนก่อนหน้าแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บเบื้องต้นทราบชื่อ นายธนันณพัฒน์ วิเชียร อายุ 17 ปี (บาดเจ็บสาหัส) นายศิวดล อบภิรมย์ อายุ 15 ปี เยาวชนชาย 2 คน บาดเจ็บเล็กน้อย นายปารมี พลศรี อายุ 28 ปี เสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายโฮม วิภาคาร อายุ 70 ปี ชาวบ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุเล่าว่าช่วงที่เกิดเหตุตนนั่งทานข้าวอยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงดังคล้ายปืนประมาณ 2-3 นัด ก่อนที่รถกระบะจะพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ส่วนเสียงที่ได้ยินนั้นตนว่ามาจากรถจักรยานยนต์เพราะหลังจากชนก็ยังได้ยินเสียงปืนอีก 2-3 นัด แต่ไม่ได้รัวติดกันตนจึงไม่กล้าเข้าไปดู
สอบถามนายสุรชัย ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเองมาดูหมอลำกับเพื่อน รวม 7 คน หลังจากหมอลำเลิกได้มาขึ้นรถกระบะเพื่อกลับบ้านระหว่างนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้านข้างแล้วมีเสีนยงปืนดังขึ้น 2 นัด ก่อนจะหลบหนีไป ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจตามไปแต่เส้นทางที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางที่จะไปส่งแฟนสาว ระหว่างทางไปเจอกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวขับอยู่ด้านหน้า 2 คัน เมื่อหนึ่งในวัยรุ่นเห็นรถของตนก็ยิงใส่รถของตน อีก 3 นัด ด้วยความตกใจตนได้หักรถหลบเสียหลักพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ทั้ง 2 คันล้มทำให้มีคนเจ็บและคนเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนคนที่ยิงได้กระโดดลงรถแล้วยิงซ้ำที่รถอีก 3 นัดก่อนหลบหนี ตนเองหลังเกิดเหตุได้อยุ่ที่เกิดเหตุรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบที่บ้านของนายปารมี ผู้เสียชีวิต ตั้งอยู่ในเขตตำบลยางใหญ่ พบญาติและเพื่อนกำลังจัดสถานที่เตรียมงานศพของนายปารมี ท่ามกลางความโศกเศร้าของนางจันดี พลศรี อายุ 76 ปี ไม่ยอมที่จะทานอาหารตั้งแต่ทันทีที่รู้ว่าลูกชายเสียชีวิต
นางจันดี เปิดเผยว่าลูกชายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด วันเกิดเหตุประมาณ 14.00 น. ลูกชายนอนอยู่บ้านมีเพื่อนขับรถจักรยานยนต์ มาเรียกไปดูหมอลำบ้านบุเปือย โดยที่ตนเองก็ไม่ทราบว่าไปทำอะไรอย่างไรบ้าง จนกระทั่งลูกสาวมาขอบัตรประชาชนของนายปารมี ตนก็ถามว่าจะเอาไปทำอะไรลูกสาวจึงบอกว่านายปารมีโดนรถชนอยู่โรงพยาบาลเสียชีวิต ตอนนี้ทุกอย่างก็มืดตนเองเป็นลมไม่รับรู้อะไรอีกเลย ส่วนสาเหตุทราบภายหลังว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นไล่ยิง
ขณะที่นายศิวดล หนึ่งในผู้บาดเจ็บเปิดเผยว่า ตนเองและกลุ่มเพื่อรวมทั้งผู้ตายได้ไปดูหมอลำที่วัดบ้านบุเปือย ซึ่งภายในงานมีกลุ่มวัยรุ่นตีกันซึ่งไม่ใช่กลุ่มของตนเอง หลังจากที่มีการตีกันในงานหมอลำตนและเพื่อนจึงได้ชวนกันออกมาจากงาน ระหว่างทางมีรถกระบะสีขาวขับพุ่งชนรถของตนเองและนายปารมี จนอัดกำแพงได้รับบาดเจ็บ ยืนยันว่าตนเองไม่รู้จักกับกลุ่มรถกระบะแต่อย่างใด ส่วนคนอื่นตนไม่ทราบว่ารู้จักหรือมีเรื่องกันหรือไม่ และในกลุ่มที่มาด้วยกันไม่มีใครมีอาวุธปืนอยากจะถามว่าตนทำผิดอะไรถึงได้ทำกับตนขนาดนี้ ส่วนนางบุญมี บุประเสริฐ อายุ 61 ปี กล่าวว่าเรื่องทั้งหมดยายไม่รู้เรื่องมีแต่คนเข้ามาถามหาหลานชายแล้วบอกว่าหลานถูกยิงแต่เมื่อหลานหลอดภัยตนเองก็ดีใจไม่ขอเอาเรื่องอะไรอภัยให้ เพราะใครทำบาปอะไรไว้ก็จะได้รับผลกรรมเอง
ด้านคดี พ.ต.อ.สุพจน์ จงอุตส่าห์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรน้ำยืน เปิดเผยว่าเบื้องเป็นเรื่องที่วัยรุ่นต่างหมู่บ้านมีปัญหากันแต่ไม่ได้มีเรื่องกันภายในงานระหว่างทางมีเหตุกระทบกระทั่งกัน ส่วนเรื่องที่มีการแชร์กันว่ามีการใช้อาวุธทำร้ายกัน ขัยรถไล่ชนกัน อยู่ในระหว่างการสอบสวนเนื่องมีผู้เกี่ยวข้องและบาดเจ็บหลายรายส่วนตัวผู้ก่อเหตุรถกระบะยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ยังต้องไม่สรุปว่าเกิดจากสาเหตุใดมีการยิงกันหรือไม่ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง
เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์ ข่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: