อุบลราชธานี – สาวอุบลฯ ร้องสื่อวอนขอความเป็นธรรมกรณี รอง.สวป.เมาแล้วขับชน แม่เสียชีวิตแต่ยังไม่ได้รั บการชดใช้ ตัดพ้อเกรงคดีเงียบเพราะเป็นตำรวจ
ผู้สื่อรายงานว่ามีผู้ใช้ เฟสบุคชื่อ Chularat Chanhom ได้ส่งข้อมูลให้สื่อมวลชน และโพสต์ในเฟสส่วนตัวข้อความระบุวันที่ 26 ตุลาคม 2561 การสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ แม่ขับรถจักรยานยนต์ ใส่หมวกกันน็อก มีสติครบถ้วน คู่กรณีที่ขับมาชน ร.ต.อ. นิกร หอมจำปา อายุ 49 ปี ขับรถยนต์
ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า คู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ซึ่งขณะนั้นในอาการเมา สติไม่ครบถ้วน จึงเป็นเหตุให้ขั บรถเสียหลักมาชนแม่ ลากไปกับถนน แล้วชนเข้ากับเสาข้างทาง จนแม่เสียชีวิตคาที่
จนถึงตอนนี้ เวลา 23:26 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2561 คู่กรณี ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ ไม่แม้แต่กระทั่งมากราบศพแม่ ดิฉันนางสาวจุฬารัตน์ จันทร์หอม ขอความเป็นธรรมให้แม่ นางอรทัย จันทร์หอม ผู้บริสุทธิ์ที่ต้องเสียชีวิตเพราะความประมาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยค่ะ
ครอบครัวจันทร์หอม ขอขอบคุณทุกความช่วยเหลือ และทุกน้ำใจที่มอบให้กัน ทางเราซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ทางเราจะสู้คดีให้ถึงที่สุด หวังว่ากฎหมายจะคุ้มครองคนดี หลับให้สบายนะแม่ หนูจะสู้ต่อเอง
ข่าวน่าสนใจ:
หลังได้รับข้อมูลผู้สื่อข่าวได้ ติดต่อนางสาวจุฬารัตน์ จันทร์ หอม อายุ 21 ปี (ผู้โพสต์) อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.4 ต.หนองช้างใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง นางสาวจุฬารัตน์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ต.ค.61 เวลาประมาณ 15.00 น.
นางอรทัยจันทร์หอม อายุ 45 ปี มารดา ได้ขับรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน 1 กฐ 7067 อุ บลราชธานี เพื่อไปทำธุระในตัวอำเภอม่วงสามสิบ ขณะที่เดินทางถึงบ้านพระโรจน์ ได้มีรถกระบะ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน บล 4467 อุบลราชธานี ชนท้ายรถจักรยานยนต์ ของมารดาจนเสียหลักตกข้างทางได้ รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบถามพยานที่เกิดเหตุทราบว่า ผู้ขับขี่รถกระบะ คือ ร.ต.อ.นิกร จำปาหอม รองสวป.สภ.ตาลสุม ช่วยราชการ สภ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในอาการคล้ายคนเมาสุรา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ที่ สภ.ม่วงสามสิบ ผลตรวจมีระดับแอลกอฮอล์ 187 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก่อนจะปล่อยตัวคนขับไป
ต่อมาวันที่ 27 ตนและญาติได้เข้าไปติดต่อขอเอกสารเกี่ยวกับคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งให้ทราบว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับร.ต.อ.นิกร ว่าขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย มีผู้ถึงแก่ความตาย และขับรถในขณะเมาสุรา โดยเอกสารระบุว่า ร.ต.อ.นิกร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ต่อจากนั่นได้มีการนัดพูดคุยเรื่องค่าเสียหายกัน 2 ครั้ง
ครั้งแรกในวันที่ 31 ต.ค.61 โดยทางครอบครัวได้เรียกค่าเสียหายไปจำนวน 10 ล้านบาท แต่ทางฝ่ายคู่กรณีขอต่อรองเหลือ 3 แสนบาท ทำให้การพูดคุยรอบแรกไม่เป็นผล ต่อมาวันที่ 6 พ.ย.61 ได้มีการนัดพูดคุยกันอีกครั้ง โดยทางครอบครัวได้ลดค่าเสียหายลงมาเหลือ 1 ล้านบาท แต่ทางคู่กรณีก็ยังขอต่อรองเป็น 5 แสนบาท
สุดท้ายทางครอบครัวก็ลดหย่อนเหลือแค่ 8 แสนบาท แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอม จึงทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ในรอบที่ 2 นางสาวจุฬารัตน์ ยังกล่าวอีกว่าตัวเลข 10 ล้านบาทอาจจะดูว่าเยอะ แต่เมื่อเทียบกับถ้ามารดามีชีวิตอยู่ก็ คงหาได้ไม่น้อยกว่านั้น
แต่ที่ตนต้องออกมาวอนสื่อมาขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ เพราะตนเองยังเห็นนายตำรวจที่ถูกต้องคดียังไม่มีการถูกให้ ออกจากราชการ ปลดหรือย้าย แต่อย่างใดทั้งที่ตกเป็นผู้ต้องหา ที่สำคัญคู่กรณีก็ยังเป็นตำรวจในพื้นที่ เกรงว่าตำรวจด้วยกันเองจะช่วยเหลือกันในเรื่องของการทำคดี จึงอยากให้สื่อช่วยตรวจสอบนำเสนอดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สุรัตน์ ส่งเสริม ผกก. สภ.ม่วงสามสิบ เปิดเผยถึงคดีที่เกิดขึ้นว่าหลังจากทราบเรื่องตนเองได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างเคร่งครัดเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้แจ้งข้อกล่าวหาทุกข้อกล่าวหาที่พบทำรายงานให้ผู้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราราชธานี ทราบ และขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน
ต่อประเด็นข้อสงสัยของผู้เสียหายเรื่องได้รับความเป็นธรรม ตนเองได้กังวลกับข้อครหานี้ตั้งแต่ต้น เพราะผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ตนได้ไปร่วมงานศพของนางอรทัย พร้อมทั้งนั่งพูดคุยกับญาติให้ ไว้ในการทำงานพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกอย่าง ซึ่งญาติก็รับฟัง
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเสร็จงานศพแล้วก็ได้ มีการเชิญญาติมาพูดคุยอธิบายทำความเข้าใจสอบถามในข้อสงสัยต่างๆที่ห้องทำงานเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งก็ไม่มีปัญหาใดๆ
ประเด็นข้อสงสัยผู้ต้องหายังไม่ถูกให้ออกจากราชการนั้น เนื่องจากต้องเป็นไปตามระเบียบ อำนาจการสั่งการอยู่ที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ในการพิจารณาการดำเนินการตามความเหมาะสม ขณะนี้อยู่ ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงซึ่งเป็นไปตามระเบียบลำดับชั้น
ส่วนเรื่องของการให้ความเป็นธรรมนั้น ตนขอยืนยันว่าทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการให้ ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ไม่มี การปกป้องแต่อย่างใด ความล่าช้านั้นขณะนี้อยู่ในขั้อนตอนการรอเอกสารประกอบสำนวนในเรื่องของผลการพิมพ์ลายนิ้วมือ ผลการตรวจพิสูจน์รถทั้งสองคันซึ่งต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งในการรอเอกสาร
ข่าวโดย : เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: