อุบลราชธานี – (คืบหน้า) วอนโซเชียลตามหาเก๋งสีขาว หนุ่มปริศนาขับรถเก๋งสีขาวพบตำรวจ แจงความบริสุทธิ์ พร้อมร่ำไห้วอนชาวเน็ตอย่างด่วนตัดสิน
จากกรณีนางนงค์รัก คำแสนราช อายุ 43 ปี นำภาพชายหญิงขับรถเก๋งสีขาวเข้ามาจอดในปั้มน้ำมัน ปตท.อำเภอเขื่องใน จ.อุบลราชธานี แล้วเอาน้ำมาล้างคราบเลือดบริเวณล้อรถด้านหน้าซ้าย ทำให้สงสัยอาจจะมีความเกี่ยวพันกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับหลานชายคือ นายขวัญนิมิตร ไชยศาสตร์ อายุ 18 ปี ที่รถกระบะพลิกคว่ำ ร่างกระเด็นไปอยู่กลางถนน และถูกรถที่ขับตามหลังมาเหยียบซ้ำเมื่อค่ำคืนวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนนายธนพัต ช่วยวัน อายุ 19 ปี เพื่อนของหลานชายที่กระเด็นมาอยู่ไหล่ทาง ได้รับบาดเจ็บจากที่รถกระบะพลิกคว่ำ จึงนำคลิปลงเฟสบุคประกาศหาตัว เพื่อไขข้อสงสัยตามข่าวนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ม.ค. นายหมอ นามสมมุติ อายุ 33 ปี ชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ได้เข้าพบกับ พ.ต.ท.วิโรจน์ แขนอก พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกับนำรถเก๋งโตโยต้าสีขาวคันที่สงสัยมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบร่องรอยการเฉี่ยวชนด้วย โดยมีนางนงค์รัก อาของนายขวัญนิมิตร ไชยศาสตร์ อายุ 18 ปี ผู้เสียชีวิตเข้าร่วมพูดคุยสอบถาม
ซึ่งนายหมอ เล่าว่า วันดังกล่าวได้ขับรถเก๋งคันดังกล่าว จากจังหวัดยโสธรมาตามถนนแจ้งสนิทที่เป็นถนนขนาด 4 ช่องจราจร เพื่อไปส่งแฟนสาวที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อรถแล่นมาถึงหลักกิโลเมตรที่ 238 เขตบ้านนาดูน ตำบลเขื่องใน อ.เขื่องใน ฝั่งขาเข้าตัวอำเภอ ซึ่งจุดดังกล่าวค่อนข้างมืด แต่มองเห็นคนถือไฟฉายโบกให้สัญญาณไปมาอยู่กลางถนน จึงเบี่ยงรถหลบออกไปทางฝั่งขวา และมีความรู้สึกล้อรถน่าจะเหยียบเอาเศษชิ้นเนื้อของคนที่นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน เพราะเห็นรอยลากของรถคันชนก่อนหน้าบนพื้นถนน น่าจะลากร่างคนตายไปตามถนนกว่า 10 เมตร
เมื่อขับรถมาถึงปั้มน้ำมันที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุไม่มาก จึงนำรถเข้าจอดและแฟนลงไปดูพบคราบเศษเนื้อและคราบเลือดของผู้เสียชีวิต จึงให้ไปซื้อน้ำมาล้างคราบเลือดออกจากล้อรถ ก่อนขับรถต่อไปส่งแฟนสาวในตัวจังหวัดอุบลราชธานี โดยยืนยันไม่ได้เป็นผู้ขับรถเหยียบซ้ำจนทำให้นายขวัญนิมิตร หลานชายนางนงค์รักเสียชีวิต แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบรถยนต์ของนายหมอ บริเวณด้านหน้าด้านซ้ายและบริเวณล้อรถที่ปรากฏภาพเอาน้ำมาล้างคราบเลือด พร้อมตรวจดูสเกิร์ตรถของนายเอ เพราะในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบสเกิร์ตหน้ารถยนต์ของรถยนต์เก๋งสีขาว ซึ่งเฉี่ยวชนคนตายแตกตกอยู่ในจุดเกิดเหตุ และจากการตรวจสอบสเกิร์ตรถคันของนายหมอไม่มีร่องรอยแตก หรือเฉี่ยวชน หรือทำสีมาก่อน โดยเป็นสเกิร์ตรถที่ติดมากับรถแบบเดิมๆ
พนักงานสอบสวน จึงได้มาเก็บตัวอย่างสีจากสเกิร์ตรถ เพื่อส่งไปให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์ยืนยันความบริสุทธิ์อีกชั้นหนึ่งด้วย ด้านนายหมอ ที่มีภาพปรากฏแล้วได้ออกมาแสดงตัวเล่าด้วยเสียงสะอื้อว่า ตนได้รับความเสียหายที่นำภาพมาเผยแพร่แล้วสังคมชาวเน็ตได้ตัดสินว่าตนเป็นคนผิดไปแล้วกว่า 50-60 เปอร์เซ็นต์
จึงขอวอนให้ชาวเน็ตอย่างรีบด่วนตัดสินใจ ให้รอฟังผลการตรวจพิสูจน์ลงความเห็นจากเจ้าหน้าที่เสียก่อน พร้อมต้องการให้นางนงค์รักลบภาพดังกล่าวออกจากเฟสบุคด้วย
ด้านนายธีระวัฒน์ ศรีสะอาด อายุ 29 ปี ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุเล่าถึงเหตุการณ์วันดังกล่าวว่า ได้ยินเสียงเหมือนรถพลิกคว่ำห่างจากบ้านไปเกือบ 100 เมตร จึงออกมาดู ซึ่งจุดนั้นสองฝั่งถนนไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ทำให้ถนนมืดมาก ทั้งที่เป็นทางตรงและรถที่แล่นผ่านไปมาใช้ความเร็วสูง
เบื้องต้นมองเห็นมีรถกระบะพลิกตะแคงคว่ำอยู่ข้างถนน แต่มองไม่เห็นมีคนนอนอยู่กลางถนนหรือไม่ ตนก็ออกมาโบกส่งสัญญาณให้รถที่แล่นตรงมาทราบมีอุบัติเหตุอยู่ข้างหน้า และเห็นรถกระบะสีออกเทาดำที่แล่นผ่านมุ่งหน้าไปยังรถที่พลิกตะแคงคว่ำ ชนหรือเหยียบอะไรสักอย่างที่อยู่กลางถนนลักษณะไม่มีการเบรกรถ และรถได้แล่นต่อไป
ต่อมาเป็นรถฮอนด้าซีวีคสีขาวที่มองเห็นได้ชัดเจน ได้พุ่งเข้าชนเป็นคันที่ 2 และลากร่างผู้ตายไปประมาณ 10 กว่าเมตร เพราะรถต่ำและมีสเกิร์ตแตกตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย นายธีระวัฒน์ ยังเล่าต่อว่า โดยตรงจุดที่เกิดเหตุนี้ ช่วงกลางคืนมักเกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้นเป็นประจำ เพราะมีถนนทางเชื่อมไปหมู่บ้านต่างๆอยู่สองฝากถนน เป็นไปได้อยากให้เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงมาติดตั้งเสาไฟฟ้าส่องสว่างในจุดดังกล่าว จะช่วยลดอุบัติเหตุลงได้มาก
ด้านนางนงค์รัก คำแสนราช อายุ 43 ปี อาสาวของนายขวัญนิมิตรกล่าวว่า เมื่อนายหมอมาแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว ยังมีคลิปที่ต้องการอีกจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนที่ขับผ่านจุดเกิดเหตุ หากมีคลิปภาพอื่นใดในวันเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นหลักฐานช่วยส่งมาให้ตนด้วย สำหรับคลิปที่โพสต์ในเฟสบุคของตน ขณะนี้ จะยังไม่ลบออก เพราะยังมีคลิปที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก และได้คุยกับน้องแล้วว่า น้องยังไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่ได้มีการปรักปรำ เมื่อน้องมาแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้วก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อจนกว่าจะได้ตัวผู้เกี่ยวข้องจริงต่อไป
ข่าวโดย : เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์
