“อุตตม” เตรียมจัดโปรแกรมทัวร์หาเสียงบิ๊กตู่ทั่วประเทศ ขณะสุพล ฟองงาม ขอโทษทำบ้านเมืองวุ่นวาย ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยแกนนำของพรรคอาทิ นายอนุชา นาคาสัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายสุพล ฟองงาม ผู้สมัครบัญชีรายชื่อและเป็นหัวหน้าทีมหาเสียง 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือมาดามเดียร์ ผู้เสนอนโยบายคลอดปุ๊บรับปั๊บเดือนละ 2,000 บาท รวมทั้งผู้สมัครทั้ง 23 เขตในพื้นที่เลือกตั้ง 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง หาเสียงช่วย น.ส.โยธากาญจน์ ฟองงาม ผู้สมัครรับเลือกตั้งเขต 3 อำเภอวารินชำราบและอำเภอนาเยีย โดยมีประชาชนเข้ารับฟังจนแน่นห้องประชุมที่มีความจุกว่า 5,000 คน
นายสุพล ได้ขึ้นปราศรัยบอกว่า วันนี้ขอพูดเปิดใจเหตุที่ตนเองต้องออกจากพรรคเพื่อไทย มาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่โดยส่วนตัวมีความรู้สึกดีกับผู้ใหญ่ในพรรคเก่ามาก่อน แต่ตนต้องเอาบ้านเมืองไว้ก่อนความสัมพันธ์ส่วนตัว เพราะกว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีการเผาบ้านเมือง มีการยึดสนามบิน ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความหวาดกลัวไม่กล้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประเทศสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นเงินกว่า 2 ล้านๆบาท
รวมทั้งนักลงทุนยังย้ายฐานการผลิตการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะความไม่สงบในบ้านเมือง ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ จากความวุ่นวายในบ้านเมืองที่ผ่านมา ทั้งจากกลุ่มคนเสื้อเหลือง กลุ่มคนเสื้อแดง และส่งผลต่อเนื่องมาถึงการค้าการขายของพี่น้องประชาชนในประเทศ ทำให้ตนรู้สึกสำนึกผิดที่ตนก็เคยเป็นคนเสื้อแดงมาก่อน และมีส่วนทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายมานานนับสิบปี
ตนอยากขอโทษ จึงตัดสินใจเข้ามาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคที่มีทั้งคนเสื้อเหลือง จากกลุ่ม กกปส.และคนเสื้อแดงมาอยู่รวมกัน เพื่อทำให้เกิดความสงบขึ้นในบ้านเมือง แต่ทุกวันนี้ ก็ถูกโจมตีว่าเป็นพวกเผด็จการ ซึ่งต้องการให้ประชาชนดูเหตุการณ์ต่างอย่างมีเหตุผล
“หากคนเสื้อเหลืองไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับคนเสื้อแดง ทหารก็จะไม่เข้ามายึดอำนาจ แต่เพราะที่ผ่านมามีแต่ความขัดแย้ง ทำให้ทหารเข้ามาควบคุมให้ประเทศเกิดความสงบสุข” ตอนนี้อำนาจมันอยู่กับประชาชนแล้ว พี่น้องต้องคิดดีดีอย่าไปยึดวาทะกรรม ถ้าเหลืองแดงไม่ตีกันประยุทธ์จะยึดอำนาจมั้ย ก่อนยึดอำนาจท่านประยุทธ์เอาเสื้อเหลืองเสื้อแดงไปคุยกันแต่ตกลงไม่ได้จึงมาสู่การยึดอำนาจ
พี่น้องต้องคิดเยอะๆถึงสาเหตุที่มาของการยึดอำนาจ และเพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าไม่เสียโอกาสที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐที่ประกาศนโยบายไม่เอาความขัดแย้ง แต่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข ด้วยเหตุนี้ ตนจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรค และส่งบุตรสาวคือ น.ส.โยธากาญจน์ ฟองงาม ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้
สำหรับนายสุพล ฟองงาม ก่อนมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นรัฐมนตรีสมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล หลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ก็ได้เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก่อนลาออกมาอยู่กับพรรคประชารัฐ ซึ่งอยู่กันคนละขั้วกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้
ด้าน ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้กล่าวปราศรัย โดยพรรคพลังประชารัฐจะก้าวข้ามความขัดแย้งในอดีต เพื่อนำบ้านเมืองเข้าสู่ความสงบ และมีรากฐานทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น พรรคจึงชูนโยบายการพักชำระหนี้สินเกษตรกรเป็นเวลา 3 ปี พร้อมกับทำโครงการสนับสนุนความรู้ด้านการผลิต เพื่อให้เกษตรกรกลับมาขายผลผลิตได้กำไร
สำหรับคุณแม่ที่ตั้งท้องจะได้รับเงินอุดหนุน พร้อมกับเงินช่วยเหลือระหว่างคลอด และเงินใช้เลี้ยงดูบุตรต่อเนื่องไปนาน 6 ปีอีกเดือนละ 2,000 บาท เหตุที่ต้องลงทุนด้านนี้ เพราะการเติบโตของเด็กในอนาคตมีผลต่อการพัฒนาประเทศของเราต่อไป พร้อมเพิ่มจำนวนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจาก 14.5 ล้านใบ ให้พี่น้องที่ยังตกสำรวจประมาณ 2-3 ล้านคนให้ได้รับด้วย ซึ่งบัตรนี้ไม่ได้ทำให้ร่ำรวย แต่ช่วยเหลือพื้นฐานที่ต้องมีและขยายการดูแลครอบคลุมถึงกลุ่มผู้พิการและผู้สูงวัย
ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังให้สัมภาษณ์กรณี กกต.กลางระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งพรรคเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นปราศรับหาเสียงได้ อยู่ระหว่างการหารือ โดยพรรคเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีของเราในทุกภาค ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำตรงนี้ แล้วนำหารือกับท่าน เพราะท่านมีภารกิจเยอะ จึงมีเวลาไม่มาก ว่าเวทีเหล่านี้จะเป็นที่ไหนบ้าง ซึ่งเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ เพราะวันนี้มีความชัดเจนจาก กกต.และได้รับคำตอบจากท่าน พล.อ.ประยุทธิ์แล้วว่ายินดีขึ้นเวที ส่วนท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีจะมีโอกาสมาขึ้นเวทีปราศรัยช่วยพรรคด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคุยกันอีกต่อหนึ่ง เพราะพรรคพลังประชารัฐ มีเซอร์ไพรส์อยู่เรื่อยๆ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: