จนท.ช่วยชาวบ้านเก็บเห็ดพลัดหลงป่า 1 วัน
จากกรณีเมื่อเย็นวันที่ 23 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากนายชาลี แก่นอาษา อายุ 30 ปี ชาวบ้านนกเต็น หมู่ 4 ต.โนนกลาง อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มีเพื่อนบ้านที่เข้าไปเก็บเห็ด หาหน่อไม้ในป่าพลาญหินตามเทือกเขาพนมดงรัก
ซึ่งเป็นรอยต่อชายแดนไทยกับประเทศลาว ทางบ้านเวินบึก หมู่ทื่ 8 ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม ได้พลัดหลงหายไปจำนวน 2 คน คือ นายล้วน พันธุ์รอด อายุ 55 ปี และนายสุนทร มูลทา อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน
แต่ขณะได้รับแจ้งเป็นช่วงค่ำแล้ว เจ้าหน้าที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ กองร้อย ตชด.ที่ 226 อาสาสมัครทหารพราน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.โขงเจียม และชุดกู้ภัยประจำอำเภอโขงเจียม ได้นัดรวมตัวกันช่วงเช้าวันที่ 24 มิ.ย.
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ (กน.3) บ้านเวินบึก กระจายกำลังออกเดินค้นหายชาวบ้านที่สูญหายทั้ง 2 คน เมื่อเจ้าหน้าที่เดินออกจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติไปทางทิศตะวันออกไปตามลำห้วยวังพอก ใกล้กับป่าตุบลุกห่างจากที่ทำการไปประมาณ 5 กิโลเมตร และห่างจากชายแดนไทย-ลาวเล็กน้อย ก็พบกับนายล้วน และนายสุนทร ที่หลงป่ากำลังเดินเดินสวนทางมายังเจ้าหน้าที่ จึงได้เข้าช่วยเหลือ
พบนายสุนทร มีบาดแผลบริเวณหน้าแข็งทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากลื่นล้มระหว่างเดินหาทางออกจากป่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการปฐมพยาบาล และนำตัวส่งให้แพทย์ประจำโรงพยาบาลอำเภอโขงเจียมตรวจเช็คอาการถูกสัตว์มีพิษ หรือถูกยุงป่าที่เป็นพาหนะนำโรคกัดด้วยหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจอาการเบื้องต้นทั้งคู่มีอาการแข็งแรงดี จึงอนุญาตให้กลับบ้านโดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัว
จากการสอบถามนายล้วน เล่าว่า สำหรับตนเคยเข้ามาเก็บเห็ดและหน่อไม้ป่าบริเวณนี้ไปทำอาหารอยู่บ่อยครั้ง และไม่เคยหลงป่า ครั้งนี้ ก็ได้ชวนกันมาจำนวน 3 คน โดยนายชาลี จอดรถหาเห็ดอยู่บริเวณตีนเขา ไม่ได้เดินขึ้นไปบนภูเขาด้วย กระทั่งประมาณเที่ยงวัน นายล้วนและนายสุนทร ได้เดินลึกเข้าไปจนถึงบริเวณภูหลง ซึ่งเป็นหน้าผาติดต่อกับประเทศลาว และเป็นจุดที่ไม่เคยเข้ามา
จึงพยายามเดินหาทางออกจากป่า แต่ก็ไม่ได้ กระทั่งค่ำจึงพากันนอนอยู่ตามพลาญหินของป่าดังกล่าว เพื่อรอให้รุ่งเช้า กระทั่งสายก็มาพบกับเจ้าหน้าที่ที่ส่งกำลังออกตามหาและเข้าช่วยเหลือนำตัวออกมาจากป่ามาได้อย่างปลอดภัย
ด้านนายวีระชัย กำลังงาม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อ.โขงเจียม กล่าวว่า อยากให้ชาวบ้านที่เข้ามาหาของป่า หรือมาท่องเที่ยวในพื้นที่ป่าแห่งนี้ แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบจำนวนคน หากมีการสูญหาย เนื่องจากป่าแถบนี้ แม้จะเป็นป่าเบญจพรรณ ไม่รกทึบมาก แต่คนที่ไม่ชินเส้นทางมีโอกาสเดินหลงได้ และยังเป็นป่าที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน จึงไม่ควรเข้าไปโดยพละการ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อแนะนำเส้นทางไม่ให้หลงป่าอีก
ข่าวโดย : เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์
