อุบลราชธานี – หนุ่มพิบูล น้อยใจเมีย คว้า.38ยิงขมับดับลมหายใจตัวเอง ข่อยบ่อยู่นำเจ้าแล้วเด้อ เสียงลาสุดท้ายหน้าบ้านภรรยาเผยทะเลาะเรื่องรับงานเดินสายไฟญาติ
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 มี.ค.61 ร.ต.อ.สุริยา นนเทศา รองสารวัตรสอบสวน สภ.พิบูลมังสาหาร รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุถ 1669 อุบลราชธานี มีเหตุชายใช้อาวุธปืนตัวเองเสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 136 บ้านบุ่งคำ ม.4 ต.ดอนจิก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ปริญญา หันไชยุงวา ผู้กำกับการ สภ.พิบูลมังสาหาร ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลอุบลราชธานี จุดพิบูลมังสาหาร
ตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว กลางทุ่งนาห่างจากถนนประมาณ 500 เมตร บริเวณหน้าบ้านพบร่างของนายประใย บัวเขียว อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 บ้านแก่งเจริญสุข ม.22 ต.ดอนจิก อ.พิบูลมังสาการ จ.อุบลราชธานี สวมเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นสีม่วง
มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 เข้าทางขมับขวากระสุนทะลุออกขมับซ้าย จมกองเลือดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง บริเวณระหว่างง่ามขาพบปืนไทยประดิษฐ์แบบหักคอขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก ปลอกกระสุนที่ยิงแล้วค้างอยู่ภายในรังเพลิง 1 นัด ตรวจสอบร่างและโดยรอบบริเวณไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
สอบถามนางนุชจริน บัวเขียว อายุ 36 ปีภรรยา ให้การอ้างกับ พ.ต.อ.ปริญญา ช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุ ตนเองและนายประใย ได้มีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการทำงานเดินสายไฟให้บ้านของญาติ นายประใยมัวแต่ไปทำงานอื่นจนไม่ได้ดำเนินการให้ญาติจนขั้นมีปากเสียงรุนแรง หลังจากนั้นนายประใยได้ออกไปซื้อสุรามาดื่มหน้าบ้านตรงจุดเกิดเหตุเพียงลำพัง ตนเองและลูกสาววัย 16 ปี นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ไม่นานนายประใยได้เดินเข้ามาในห้องนอนก่อนจะออกมานั่งจุดเดิมที่นั่งดื่มสุรา ไม่นานก็มีเสียงจากนายประใยพูดว่า “ข่อยบ่อยู่นำเจ้าแล้วเด้อ”หลังจากสิ้นเสียงพูดได้มีเสียงปืนดังขึ้นที่หน้าบ้าน 1 นัด ออกมาดูพบนายประใยนอนหายในรวยรินก่อนสิ้นในในเวลาต่อมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกายหรือต่อสู้แต่อย่างใด สอบถามภรรยาและญาติไม่ติดใจสาเหตุการตายจึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลอุบลราชธานี นำร่างนายประใยส่งแผนกนิติเวชโรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร เพื่อยืนยันสาเหตุการตายพร้อมทั้งนำนางนุชจริน ตรวจสอบคราบเขม่าดินปืนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง
ข่าวโดย : เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์
