จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ด้านตะวันออกติดกับ แขวงจำปาสัก สปป.ลาว โดยมีด่านตรวจคนเข้าเมืองอยู่ที่ อ.สิรินธร เรียกชื่อด่านช่องเม็กในฝั่งไทย ส่วนฝั่ง สปป.ลาว จะเป็นด่านวังเต่าเป็นพื้นที่ราบผืนดินไทย-ลาวติดกันอยู่ในเขต เมืองปากซ่อง แขวงจำปาสัก เส้นทางจะลึกเข้าไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตรเป็นทางลาดยางตลอดสายจะได้พบสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำโขงสวยงามมากแห่งหนึ่งในบรรดาสะพานข้ามแม่น้ำนานาชาติสายนี้ โดยนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจการติดต่อค้าขายจะอาศัยช่องทางนี้เข้าออกสู่ลาวทางตอนใต้ แม้กระทั่งนักสื่อสารมวลชนระหว่าง สปป.ลาวเอง กับ สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดอุบลราชธานีก็อาศัยเส้นทางนี้ไปมาหาสู่กันมากว่า 20 ปี
นายชลธิษ จันทร์สิงห์ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า สื่อมวลชนไทยกับสื่อมวลชนลาวทางตอนใต้ติดต่อกันมานาน มีกิจกรรมจากไทยสู่ลาวทุกปีส่วนมากจะไปแจกเสื้อผ้า และอาหาร หลังจากระดมทุนทรัพย์และเครื่องห่มกันหนาว อันประกอบไปด้วย ผ้าห่ม เสื้อกันหนาว จากผู้ที่ใจบุญ นำมาจัดเป็นชุด นำไปแจก เพื่อเป็นการบรรเทาความหนาวเย็น ให้กับประชาชนชาว สปป.ลาว 4 เมือง (อำเภอ) ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล คือ เมืองปากซอง ไปทางด้านทิศตะวันออก ของแขวงจำปาสัก ระยะทางแตะๆร้อยกิโล เป็นหมู่บ้านสุดท้ายของแขวง และเมืองที่สอง เมืองสุขุมา อยู่ทางทิศใต้ของแขวงจำปาสัก ติดกับ อ.บุณฑริก ทางด้านช่องตาอู ระยะทางร่วมร้อยกิโลเช่นกัน ส่วนเมืองซะนะสมบูน ค่อนไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของแขวง ติดกับ อ.โขงเจียม และ เมืองบาเจียง ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ระยะทางใกล้สุดของเมืองปากเซ แต่ระยะทางก็กว่าครึ่งร้อยกิโล (เมืองปากเซ เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการหลัก ถือเป็นเมืองหลวงของแขวงจำปาสัก)
โครงการดังกล่าว เกิดจากความผูกพัน ของสมาคมสื่อมวลชนอุบลราชธานี กับ สมาคมนักข่าวแขวงจำปาสัก สปป.ลาว ที่มีการเชื่อมสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้านสื่อสารมวลชน ทุกแขนง ทั้ง หนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 เป็นต้นมา มาถึงวันนี้ ก้าวสู่ปีที่ 17 ที่มีกิจกรรมร่วมกัน มาโดยตลอด โดย ที่ผ่านมาทั้งสองสมาคมสื่อฯ อุบลฯ-จำปาสัก ได้ผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนเยี่ยมยามกันทุกปี เพื่อสานสัมพันธ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวการ การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของทั้งสองสมาคมฯ ให้มีการพัฒนาก้าวทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงและก้าวล้ำขึ้นเรื่อยในปัจจุบัน
ข่าวน่าสนใจ:
- ‼️เลือดหนึ่งหยด..มีค่า-ต่อลมหายใจให้ผู้ป่วย,บาดเจ็บ‼️
- รับบุญใหญ่ งานนมัสการองค์พระธาตุเชิงชุมฯ สกลนคร 6-13 มกราคม 2568 ร่วมบูชาเมล็ดข้าวใหญ่ในตำนานเมืองสกลนคร
- สจ.เปี๊ยกไม่ปลื้ม นายกไก่เปลี่ยนใจยอมสยบฉายแสง สุดท้ายกลายเป็นมาให้กำลังใจ
- กกต.อบจ.เพชรบูรณ์ ประกาศผลเลือกตั้ง "อัครเดช"รั้งแชมป์สมัย 7 ผู้ใช้สิทธิ์ไม่ถึงร้อยละ 50 ปชช.สงสัยผู้ใช้สิทธิกับบัตรลงคะแนน เลขเขย่งถามสาเหตุ
จากความผูกพันที่ยาวนานของสมาคมสื่อมวลชนอุบลราชธานี กับสมาคมนักข่าวแขวงจำปาสัก สปป.ลาว จึงมีการพัฒนาด้านการช่วยเหลือ และ เอื้อเฟื้อ สู่ ประชาชน จึงเกิดโครงการ “มอบไปอุ่น อุบลสู่จำปาสัก” ครั้งที่ 1 โดยร่วมกับทางภาคีเครือข่าย สมาคมฯ ประกอบด้วย สำนักประชาสัมพันธ์เขต 2 อุบลราชธานี สถานีโทรทัศน์ NBT อุบลราชธานี ,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,สถานีวิทยุเพื่อการศึกษาอุบลราชธานี สถานีวิทยุ อสมท.อุบลฯ สถานีวิทยุจอบบ่อนเรดิโอ, สถานีวิทยุคลีนเรดิโอ ,หนังสือพิมพ์ปทุมมาลัย,หนังสือพิมพ์โอเคอีสาน, สถานีวิทยุคำสมบูรณ์ และ ร้านครกไม้ไทย ลาว ร่วมกันระดม ทั้งทุนทรัพย์ และเสื้อผ้า ผ้าห่ม จากผู้มีจิตศรัทธา นำไปมอบให้กับประชนในเขต แขวงจำปาสัก สปป.ลาว จำนวน 500 ชุด มูลค่ากว่าหนึ่งแสนบาท โดยนำไปมอบเมื่อวันที่ 16-17 ธันวาคม 2560 เพื่อเป็นการบรรเทา ความหนาวเย็น พร้อมแสดงถึงความเอื้ออาทร ความมีน้ำใจกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีเขตแดนติดกันและมีภาษา วัฒนธรรมที่คล้ายกัน
ไฮไลน์ สำคัญของโครงการ “มอบไปอุ่น อุบล สู่ จำปาสัก” ในครั้งนี้ อยู่ที่ “บ้านตะยืกเสือ” เมืองปากซอง ที่มีอากาศหนาวตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่พื้นที่ราบสูง พื้นที่สูงสุด สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร มีทั้งหมด 78 ครอบครัว เป็นหมู่บ้านที่อาศัยอยู่เขตชายแดนสุดของแขวงจำปาสัก ประชากรมีหลากหลายชนเผ่า ที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้
เนื่องจากระยะทางก็ไกลเอาเรื่อง กอปรกับ รถของคณะไม่สามารถทำความเร็วได้ตามกำหนด และเส้นทางรถก่อนที่จะถึงหมู่บ้าน ต้องผ่านห้วย ลำธาร ข้ามเนินสูง ซึ่งหากเดินทางมาช่วงฤดูฝน รถเก๋ง ปิ๊กอัพ ธรรมดา ไม่สามารถเดินทางมาได้ หลังจากคณะเดินทางผ่าน เส้นทางที่คดเคี้ยว จึงทำให้คณะเดินทางมาถึงหมู่บ้านช้าพอสมควร แต่ในที่สุดก็ถึงหมู่บ้านเป้าหมาย เขาตั้งชื่อเป็น “สโมสรบ้านตะยึกเสือ” (บ้านเราก็เรียก ศาลากลางบ้าน) เป็นพื้นที่นัดหมายในการมอบเครื่องห่มกันหนาว ในครั้งนี้ ในขณะที่คณะไปถึง ชาวบ้าน ทั้ง ผู้เฒ่า หนุ่มสาวและเด็กเล็ก มารอคณะก่อนหน้านั้นแล้ว
“เมื่อมาเห็นสัมผัสชีวิตความเป็นของชุมชน ทุกคนก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง…
เรานำสิ่งของมาให้ถูกที่แล้ว…!!” จากนั้น ทั้งทีมงานและชาวบ้าน ช่วยกันขนถ่ายเครื่องห่มกันที่เตรียมมาเต็มคันรถ ก็นำไปมอบให้กับชาวบ้าน แบบขั้นตอนที่เรียบง่าย
นายชลธิษ จันทร์สิงห์ นายกสมาคมสื่อมวลชนอุบลราธานี กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นได้ ก็เพราะความผูกพันที่ยาวนาน ของสมาคมสื่อมวลชนอุบลราชธานี กับ สมาคมนักข่าวแขวงจำปาสัก เกิดแนวคิดที่จะเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือ ไปยังประชาชนที่ขาดแคลนง โดยทางโครงการได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ของภาคีเครือข่าย เชิญชวนบริจาคทุนทรัพย์ “หนึ่งร้อยบาท =ผ้าห่มหนึ่งผืน” ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนั้น ยังมีเสื้อผ้ามือสอง เสื้อผ้าใหม่ มาร่วมบริจาคมากมาย เสร็จแล้วก็นำมาแพ็คเป็นถุง ซึ่งแต่ละถุงประกอบไปด้วย ผ้าห่ม 1 ผืน เสื้อผ้า 5-10 ตัว มูลค่าถุงละ 300 บาท ซึ่งตั้งเป้าหมาย 500 ถุง เพื่อมอบให้ 500 ครอบครัว ใน 4 เมือง ของแขวงจำปาสัก ซึ่งในวันนั้น คณะก็ได้นำไปมอบเอง ได้เพียง 1 หมู่บ้าน คือ บ้านตะยึกเสือ เมืองปากซอง เนื่องจากไม่มีเวลาเพียงพอ เพราะแต่ละเมืองห่างกันร่วม 100 กม. ส่วนที่เหลือก็ได้มอบให้ตัวแทนเมือง มารับที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแขวงจำปาสัก ในวันต่อมา เพื่อนำไปมอบให้กับเป้าหมายต่อไป
ในโอกาสนี้ ท่านคำม่วน พิมสัวันโน ประธานสมาคมนักข่าวแขวงจำปาสัก ได้กล่าวว่า ขอบใจขอบคุณคนไทย ผู้ที่ร่วมบริจาคสิ่งของ และที่เดินทางมามอบให้กับประชาชนลาว ที่ยังมีความต้องการจำนวนมาก เพื่อบรรเทาความหนาว โดยเครื่องห่มที่ได้รับจำนวน 500 ชุด หลังจากที่ทางคณะนำไปมอบที่บ้านตะยึกเสือ เมืองปากซอง ที่เหลือก็ได้เชิญตัวแทน แต่ละเมือง ที่ยังเหลือ คือ เมืองซะนะสมบูน เมืองบาเจียง และเมืองสุขุมา เข้ามารับในเมืองปากเซ เพื่อนำไปมอบให้กับชาวบ้าน เช่นบ้านแก้งกอก 150 ครอบครัว บ้านดอนหวาย 170 ครอบครัว และบ้านทีสิบ 175 ครอบครัว ในโอกาสต่อไป
ข่าว โดยสุชาติ สูงเรือง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: