นราธิวาส-โควิด 19 พ่นพิษโรงแรม 5 ดาวกลางเมือง โก-ลกทยอยปิดกิจการ
รายงานข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด 19 จากพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดพบว่าโรงแรมที่เปิดกิจการในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 50 แห่ง ได้เริ่มทยอยปิดกิจการลงในวันนี้ โรงเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาว อาทิ โรงแรมเก็นติ้ง มารีน่า ธารารีเจนท์ เมอลิน ปาร์คสัน ทักษิณ 1 และทักษิณ 2 โดยมีการประกาศปิดกิจการในระยะแรก 1 เดือน ที่โรงแรมแต่ละแห่งได้เขียนป้ายประกาศติดไว้บริเวณประตูทางเข้าโรงแรม หรือ การล็อคกุญแจให้ลูกค้าได้รับทราบ และหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด 19 เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด ก็จะประกาศปิดอีกครั้งในเดือนถัดไป เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ที่ไม่สามารถเดินทางข้ามแดนมาใช้บริการได้ จากมาตรการกฎเหล็กที่ประเทศมาเลเซียสั่งปิดประเทศเป็นเวลา 1 เดือน และประการสำคัญลูกค้าชาวไทยต่างพื้นที่ส่วนหนึ่ง ก็ไม่สามารถเดินทางมาใช้บริการได้ จากมาตรการแต่ละจังหวัดได้ประกาศงดการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งโรงแรมระดับ 5 ดาว มีค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนสูง ถ้าฝืนเปิดให้บริการไปอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีเงินเพียงพอที่ต้องมาจ่ายให้กับพนักงาน โดยโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ปิดกิจการในครั้งนี้ ส่วนใหญ่มีการทำความเข้าใจกับพนักงาน โดยยอมจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานครึ่งเดือน ส่วนที่เหลือจะมีการประสานกับสำนักงานประกันสังคม เพื่อจ่ายชดเชยส่วนที่เหลือ
ด้านนายสมโภชน์ หงส์กิตติยานนท์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมเก็ตติ้ง กล่าวว่า ทางโรงแรมเรามีความจำเป็นต้องปิดกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จนถึง วันที่ 30 เมษายน 2563 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด 19 ซึ่งทราบกันดีสถานการณ์มีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งกระทบต่อสถานประกอบการโรงแรม เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการลดและป้องกันการแพร่ระบาด รวมไปถึงการเซฟค่าใช้จ่ายของโรงแรม ซึ่งตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มีผู้มาใช้บริการเลย เนื่องจากสถานบันเทิงและห้องอาหารของโรงแรมก็ถูกปิดไปหมดแล้ว ซึ่งเหลือแต่ห้องพักที่ปัจจุบันไม่มีใครมาพักเลย คืนนึ่งได้ลูกค้าเพียงคน 2 คน หรืออย่างมากก็ 4 ถึง 5 คน เท่านั้นเอง ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าหลักเป็นชาวมาเลเซียแต่ทุกวันนี้เราปิดพรมแดนไปแล้วปิดประเทศไปแล้ว ฉะนั้นทางนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียไม่มีเข้ามาแล้ว จึงตัดสินใจปิดกิจการดีกว่า เพื่อความอยู่รอดของสถานประกอบการ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: