นราธิวาส-ผู้ว่านราฯแจงปมโลกโซเชียล ‘ยอดผู้ติดเชื้อน้อย’ ยันล็อคเป้าหมายชัดเจน พร้อมย้ำผู้ถูกกักตัวที่ LQ ‘อดทน’ ฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส ชี้แจงถึงประเด็นการสอบสวนโรคไวรัส Covid-19 รวมทั้งประเด็นศูนย์กักกัน Local Quarantine (LQ) ที่มีการพูดถึงอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล
โดยกล่าวว่า “ระบบการทำงานของ ศบค.จ.นราธิวาส มีการล็อคเป้าหมายชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องเหวี่ยงแห ระบบฐานข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตามเก็บตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำอย่างละเอียด ตัวเลขการส่งตรวจตั้งแต่ช่วงเริ่มมีกลุ่มเสี่ยงในจังหวัดนราธิวาสจนกระทั่งวันนี้มีจำนวนไม่น้อยและเป็นกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ดังนั้นอย่ากังวลหากวันนี้เราจะพบผู้ติดเชื้อน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เพราะเมื่อมี 1 เคสที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.จะเข้าไปล็อคเป้าผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อและบุคคลรอบข้างทั้งหมด และอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 น้อยมาก ก็คือ ทันทีที่ทราบว่าจะมีการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลเพื่อจัดกิจกรรมชุมนุม ประชาชนจะแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่เข้าไประงับยับยั้งและต้องขอบคุณทุกกลุ่มที่ยินยอมยกเลิกกิจกรรมการรวมตัวเหล่านั้นทั้งที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว การไม่รวมตัวกันจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การติดเชื้อเกิดขึ้นในวงแคบและทั้งหมดเกิดจากการไปร่วมกิจกรรมจากต่างประเทศ ไม่ใช่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อจากในพื้นที่เอง ยกเว้นรายที่ภรรยาติดเชื้อจากสามีที่กลับจากไปร่วมกิจกรรมในต่างประเทศ มาถึงวันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ 10 ราย กลับบ้านแล้ว 23 ราย ทั้งนี้จังหวัดนราธิวาสส่งตรวจห้องปฏิบัติการจำนวน 1,310 ราย พบเชื้อ จำนวน 34 ราย ไม่พบเชื้อ 1,168 ราย รอผล จำนวน 108 ราย” ผวจ.นราธิวาสเผย
ขณะเดียวกันในประเด็นเรื่องศูนย์กักกัน Local Quarantine (LQ) 1 ศูนย์กักกัน ประกอบด้วย สภาพตัวอาคารและอุปกรณ์ภายในต้องเป็นไปตามมาตรฐานของศูนย์กักกันที่กำหนดโดยกรมควบควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเจ้าหน้าชุดรักษาความปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน และอาหารครบ 3 มื้อ
“นราธิวาสเปรียบเสมือนพื้นที่รับน้ำจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เนื่องจากมีคนไทยในมาเลเซียเดินทางกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก ภายใต้เงื่อนไขรับคนที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดนราธิวาส และคนที่มีภูมิลำเนานอกเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนตัวเลขของคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียเกินเป้าทุกวัน ในขณะที่ด้วยมาตรการการป้องกันที่เข้มงวดขึ้นตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จังหวัดจึงใช้มาตรการคนไทยจากต่างประเทศ และคนไทยที่กลับมาจากต่างจังหวัดต้องเข้าศูนย์กักกัน LQ ทุกราย ทำให้ศูนย์กักกันมีไม่เพียงพอต่อการให้บริการและจำเป็นต้องขยายเพิ่มอย่างเร่งด่วนโดยยังคงยึดหลักต้องได้มาตรฐานตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด”
อย่างไรก็ตามเนื่องจาก จ.นราธิวาสไม่มีสถานที่แบบโรงแรม ทุกอย่างจึงต้องดัดแปลงพื้นที่ เป็นที่พักที่นอน กักกันตัว อีกทั้ง ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 63 เป็นต้นมา ต้องรับประชาชนที่กลับมาจากมาเลเซียเป็นพันๆ คน ทั้งคนในพื้นที่และคนจังหวัดอื่นๆนอกเหนือจาก 5 จังหวัดชายแดนใต้ มาตอนนี้ต้องรับผู้ที่กลับจาก จ.ภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ ที่มาแบบฉุกเฉินเกือบพันคน เจ้าหน้าที่จึงต้องเตรียมพื้นที่แบบฉุกเฉินจึงอาจจะไม่พร้อมและไม่สะดวกสบายตามที่ผู้เข้ารับการกักกันคาดหวัง
นายเอกรัฐ ผวจ.นราธิวาสยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทาง จ.นราธิวาส โดยหน่วยงานทุกฝ่ายได้พยายามหาสถานที่กักตัว ทั้งโรงแรมและที่อื่นๆแต่ก็ติดขัดเรื่องมวลชน เนื่องจากโรงแรมส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จึงได้สถานที่อื่นๆ มาส่วนหนึ่ง จำนวน 3 -4 เฟส ซึ่งส่วนใหญ่มีความพร้อมรองรับคนได้กว่า 2,000 คน แต่ก็ยังไม่พอจำเป็นต้องหาต่อ จึงอาจทำให้ผู้ที่กลับมาจังหวัดนราธิวาสบางคนไม่สบายใจ
“ผมได้แจ้งทุกพื้นที่ให้เตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดของพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และได้ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยหวังว่าจะเข้าใจ และอดทนไปด้วยกัน”
นอกจากนี้ ผวจ.เอกรัฐยังเน้นย้ำว่า สำหรับผู้ที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง ไม่มีใครปิดกั้นการเดินทางเข้ามา แต่ขอย้ำว่าเข้ามาในพื้นที่ของเราด้วยการปฏิบัติตามกฎ โดยไม่สร้างเงื่อนไขใดๆจนสร้างความลำบากใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เพราะพวกเขาก็ได้ทำหน้าที่ดูแลกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดนราธิวาสอย่างเต็มที่และดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: