นราธิวาส-รมช.เกษตรฯเตรียมแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจบ้านเกิดหลังประกาศเปิดประเทศ ต.ค.นี้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 มี.ค.2564 ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางพร้อมคณะฯ โดยได้ประชุม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของ อ.สุไหงโก-ลก ที่ซบเซาจากผลพวงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี โดยที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตัวแทนผู้ประกอบการภาคธุรกิจเอกชน โดยมี พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. นายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.นราธิวาส นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก นายนิเมธ พรหมพยัต ประธานหอการค้า จ.นราธิวาส นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้เนื่องจากในเดือนตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ประเทศไทยจะประกาศเปิดประเทศ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้ตามปกติ ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวในที่ประชุมพอสรุปใจความสำคัญว่า ตนเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อเตรียมฟื้นฟูและพัฒนาบ้านเกิด ซึ่งตนมีภูมิลำเนาอยู่ อ.ตากใบ โดยต้องการให้งานลุล่วงไปด้วยดี จึงได้เดินทางมารับฟังปัญหาในการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่ง อ.สุไหงโก-ลก ถือว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการค้า ที่มีรายได้เข้าสู่ประเทศแห่งหนึ่ง และจากการรับฟังปัญหาและข้อชี้แนะ ตนเตรียมดำเนินการใน 3 ประเด็นหลักๆ ก่อนที่จะมีการเปิดประเทศเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2564 นี้ คือ 1.การเปิดทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก สู่ประเทศมาเลเซีย 2. การสร้างสะพานข้ามพรมแดนจากฝั่งสุไหงโก-ลก ไปยังเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน และ 3. การยืดระยะการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์จากสถานีรถไฟหาดใหญ่สู่สุไหงโก-ลก ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นนี้ หากสำเร็จเป็นรูปธรรม อ.สุไหงโก-ลก จะเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่ของภาคใต้อีก 1 แห่ง ซึ่งผลพวงที่ตามมาคือจะทำให้พื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก มีเม็ดเงินที่แพร่สะพัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นนี้ ตนเชื่อว่าทำได้ไม่ยาก เนื่องจากตนเป็นคนในพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งรู้จักเป็นการส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของประเทศมาเลเซีย เพียงแต่ให้ทุกฝ่ายทั้ง 2 ประเทศ ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสมาพูดคุยกันเท่านั้น
