นราธิวาส-ผบ.พล.ร.15 ลาดตระเวนตลอดแนวลำน้ำโก-ลก สั่งอุดช่องโหว่ทางบก-ทางน้ำตลอดแนวชายแดน ป้องกันผู้หลบหนีเข้าเมือง เต็มพิกัด! รับมือหลังมาเลย์สั่งล็อกดาวน์ประเทศดีเดย์ 1 มิ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เวลา 13.30น.พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วยพันเอกเฉลิมพร ขำเขียว รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส รุดลงพื้นที่หลังนายกรัฐมนตรีมาเลเซียออกประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ 14 วัน ดีเดย์วันที่ 1 มิ.ย.2564 นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 หลังผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 8,290 คนต่อวัน
จากสถานการณ์ดังกล่าว พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผบ.พล.ร.15/ผบ.ฉก.นราธิวาสพร้อมด้วยกรมเจ้าท่า , พันโทกฤตณ์พัทธ์ กรกัน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ,รองผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องได้ลงเรือลาดตระเวนทางน้ำ ตลอดแนวลำน้ำสุไหงโกลก โดยให้พันเอกเฉลิมพร ขำเขียว รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสลงพื้นที่ลาดตระเวนทางบก บริเวณช่องทางธรรมชาติ ในเขตพื้นที่อำเภอสุไหงโกลก พร้อมสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอดแนวชายแดน สกัดกั้นพื้นที่รับผิดชอบ ประกอบด้วยอำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน โดยให้หน่วยบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด การเสริมกำลังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน การจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย สุ่มเสี่ยงต่อการนำโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้มาแพร่ระบาดในประเทศไทย พร้อมทั้งเตรียมรับมือ หลังประเทศมาเลเซียออกประกาศ ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ 14 วัน เริ่มวันที่ 1 มิ.ย.2564 นี้ โดยจัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธี หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ณ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 หมู่ที่ 8 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโกลก และจัดตั้งกองอำนวยการควบคุมการผ่านแดน ณ ด่านศุลกากรสุไหงโกลก เพื่ออำนวย การปฏิบัติงานในการควบคุมในพื้นที่รับผิดชอบ และเขตพื้นที่ที่เป็นรอยต่อ พร้อมจัดชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ ลาดตระเวนทั้งทางบกและทางน้ำ สกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบข้ามแดนมาได้โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งขอความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ สร้างความตระหนักรู้ให้กับชุมชน โดยให้ทุกคนทำเพื่อส่วนรวม ป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่กำลังระบาดอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยได้อีก ตลอดจนเน้นย้ำการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกนายให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
