นราธิวาส-จ.นราธิวาสยกระดับมาตรการควบคุมโรค COVID – 19 เข้มข้น ออกคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่ 21.00 – 04.00 น. และจำกัดการเดินทาง 14 วัน
วันนี้ (12 ก.ค. 2564) การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดนราธิวาส และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 32 มีนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุม โดยมีการประชุมร่วมผ่านระบบ Video Conference กับอำเภอต่างๆ ณ ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 จังหวัดนราธิวาส จากข้อมูลวันที่ 1 เม.ย. – 11 ก.ค. 64 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,068 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ 85 ราย กำลังรักษาในโรงพยาบาล 890 ราย รักษาหายแล้ว 2,154 ราย เสียชีวิตสะสม 24 ราย
โดยจังหวัดนราธิวาสเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 10 จังหวัด ได้ขอมติจากที่ประชุมฯ ในการออกคำสั่งจังหวัดนราธิวาสเพื่อบังคับใช้ในเรื่องที่สำคัญ อาทิ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาตนายอำเภอหรือปลัดอำเภอที่นายอำเภอมอบหมาย , งดการเดินทางออกจากเคหสถาน ที่พักอาศัยระหว่างเวลา 21.00 – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี เช่น เจ็บป่วย การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณูปโภค รวมทั้งให้งดบริการขนส่งสาธารณะทุกประเภท ฯลฯ ในระหว่างวันที่ 12 – 25 กรกฎาคม 2564 เป็นระยะเวลา 14 วัน
ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาการเปิดโรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 7 ที่โรงเรียนตากใบ จำนวน 200 เตียง และมีแผนการจัดเตียงเพิ่มที่ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฯ 130 เตียง และโรงเรียนตากใบ 200 เตียง สำหรับการปฏิบัติศาสนกิจ /การรวมกลุ่มในช่วงเทศกาลตรุษอีฎิ้ลอัดฮา ได้ยึดตามประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ฉบับที่ 7/2564 ให้งดการละหมาดอีฎิ้ลอัดฮาที่มัสยิดและทุกสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ รวมทั้งงดละหมาดญะมาอะห์และการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์)
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้มีแถลงการณ์จังหวัดนราธิวาสตามมาตรการควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่จะบังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายได้โดยเร็ว พร้อมทั้งขอให้ชาวนราธิวาสปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดนราธิวาส และมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19
