X

ผู้ว่าฯ นราธิวาสเข้ม! มาตรการ “ชิงเปรต” ยุคโควิด

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาสเข้ม! มาตรการ “ชิงเปรต” ยุคโควิด หากไม่ปฏิบัติตามให้ระงับการจัดงานเดือนสิบ


นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดนราธิวาส ออกประกาศจังหวัดนราธิวาสเรื่องมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) สำหรับการจัดงานประเพณีวันสารทเดือนสิบ ประจำปี พ.ศ.2564 ของจังหวัดนราธิวาส

ด้วยงานประเพณีวันสารทเดือนสิบ ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นของทางภาคใต้ พุทธศาสนิกชน นิยมเข้าวัดทำบุญให้กับบรรพบุรุษ หรือผู้ล่วงลับ เป็นจำนวนมาก โดยในปี พ.ศ.2564 นี้ จะตรงกับวันที่ 22 กันยายน 2564 และวันที่ 5 ตุลาคม 2564 และเพื่อให้การจัดงานประเพณีวันสารทเดือนสิบ ประจำปี พ.ศ.2564 ของจังหวัดนราธิวาส เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 39/2564 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 จังหวัดนราธิวาส จึงกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) สำหรับการจัดงานประเพณีวันสารทเดือนสิบ ประจำปี พ.ศ.2564 จังหวัดนราธิวาส ดังนี้
1.มาตรการที่เกี่ยวกับวัด
1.1 วัดที่จะจัดงานประเพณีวันสารทเดือนสิบ ต้องได้รับการประเมินและผ่านการประเมินจากคณะกรรมการตรวจประเมินความพร้อมในระดับอำเภอ โดยให้นายอำเภอ/ผอ.ศบค.อ.แต่งตั้งคณะกรรมการ ระดับอำเภอ เพื่อทำหน้าที่ในการประเมินความพร้อมของวัดที่มีความประสงค์จะจัดกิจกรรมงานประเพณีดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสกำหนด
1.2 การขอรับการประเมิน ให้วัดยื่นขอต่อนายอำเภอ/ผอ.สบค.อ.ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้นายอำเภอ/ผอ.ศบค.อ. แจ้งคณะกรรมการตามข้อ 1.1 เพื่อทำหน้าที่ตรวจประเมินให้แล้วเสร็จ เพื่อนายอำเภอรวบรวมเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาสพิจารณา ก่อนวันที่ 15 กันยายน 2564 และแจ้งผลการประเมินให้ผู้ยื่นคำร้องขอทราบโดยเร็ว
1.3 ให้วัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น เจลล้างมือ เครื่องวัดอุณหภูมิ ป้องกันโรคโควิด-19 และให้วัดจัดเจ้าหน้าที่ของวัดอำนวยความสะดวกและกำกับให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดโดยเคร่งครัด
2.มาตรการที่เกี่ยวกับพระภิกษุ
2.1 วัดที่สามารถจัดงานวันสารทเดือนสิบได้ พระภิกษุในวัดควรจะได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
2.2 กรณีพระสงฆ์ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ขอให้ไปรับการฉีดวัคซีนยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2.3 ให้พระภิกษุทุกรูปในวัดสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา และเว้นระยะห่างตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขขณะที่ประกอบพิธี
3.มาตรการที่เกี่ยวกับพุทธศาสนิกชน
3.1 พุทธศาสนิกชนที่จะมาร่วมพิธีที่วัด ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้วอย่างน้อย 1 เข็ม โดยให้แสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนก่อนเข้าวัด และหากเป็นบุคคลที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จะต้องมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน นับแต่วันที่มีผลตรวจยืนยันโดยวิธี RT-PCR และต้องมีผลตรวจหาเชื้อแบบ ATK มาแล้วไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง ทั้งนี้ในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะมาร่วมพิธีที่วัดให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองและฝ่ายสาธารณสุขในพื้นที่
3.2 ผู้ที่เข้าร่วมงาน กำหนดเพียงครอบครัวละ 1 คน สำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุให้มีผู้ดูแลได้ 1 คนและต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขด้วยความเคร่งครัด ได้แก่ การตรวจวัด อุณหภูมิ การสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่าง การจัดจุดล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ ล้างมือ และการลงทะเบียนตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
4.ผู้เข้าร่วมงาน งดรับประทานอาหารร่วมกันที่วัด
5.กรณีพบมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนหรือหมู่บ้าน ให้งดการจัดงานประเพณีดังกล่าว
6.ให้วัดและคณะกรรมการหมู่บ้าน ชุมชน กำหนดวิธีการ ขั้นตอนในการดำเนินการจัดกิจกรรมให้ใช้ระยะเวลากระชับที่สุดและให้มีผู้ร่วมพิธีน้อยที่สุด โดยให้เสนอต่อคณะกรรมการประเมิน
7.ให้นายอำเภอ/ผอ.ศปก.อ. จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวก กำกับให้การจัดงานประเพณีดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการที่กำหนดโดยเคร่งครัด โดยให้เจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงานแจ้งต่อคณะกรรมการผู้มีอำนาจในการสั่งระงับยับยั้งการจัดงานประเพณีดังกล่าว หากพบเห็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรการตามประกาศนี้

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน