นราธิวาส-แถลงแผนการปฏิบัติงานของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสประจำปี 2565 รองรับแผนเสริมสร้างสันติสุข จชต. ของ กอ.รมน.ภาค 4 สน.
วันนี้ (30 ต.ค.2564) เวลา 13.30 น.ที่ห้องประชุม หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานแถลงแผนบูรณาการเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ประจำปี 2565 โดยมี พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พลตำรวจตรีแวสาแม สาและ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนนายอำเภอทั้ง 13 อำเภอ ผู้กำกับการ 13 สภ.และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่รับผิดชอบ 10 อำเภอของจังหวัดนราธิวาสเข้าร่วมประชุมและรับฟังแผนบูรณาการฯ ในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ทั้งนี้การแถลงแผนฯในวันนี้ถือเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะเป็นการสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติงานร่วมกัน เปิดโอกาสให้หน่วยงานความมั่นคงทั้ง 3 ฝ่ายได้รับทราบแผน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติตามแนวทางหรือกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ให้บรรลุเจตนารมณ์ของแผนงาน อีกทั้งเปิดโอกาสให้ได้บูรณาการประสานการปฏิบัติร่วมกันทั้ง 3 ฝ่ายให้เป็นไปตามนโยบายและข้อสั่งการของพลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้มีความต่อเนื่องจากปีงบประมาณที่ผ่านมา จำนวน 5 งาน มาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ได้แก่ 1.งานการควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมาย 2.งานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 3.งานการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม 4.งานการส่งเสริมการพัฒนาเพื่อความมั่นคง และ 5.งานการเสริมสร้างความเข้าใจ ทั้งนี้การประชุมเพื่อแถลงแผนในครั้งนี้เพื่อหารือและประสานการปฏิบัติข้อมูลในเรื่องที่สงสัยให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนเพื่อนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน นำสู่การสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กำหนดภารกิจโดยมีความมุ่งหมายให้ดำเนินการในงานที่สำคัญทั้งหมด 12 ประการ ได้แก่ 1.งานควบคุมพื้นที่และบังคับใช้กฎหมาย เน้นดูแลคุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน, ผู้ประกอบการ นักลงทุนและนักท่องเที่ยว 2.ปฏิบัติการเชิงรุกทั้งงานด้านยุทธการและด้านการเมือง ด้วยการจัดชุดปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่และชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนเป็นหน่วยหลักในการดำเนินการ 3.งานทำเส้นทางเสี่ยงและเกิดเหตุบ่อยให้ปลอดภัย 24 ชั่วโมง 4.งานขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 5.งานขับเคลื่อนกองร้อยทหารพรานข่าวและการเสริมสร้างข่ายงานข่าวของแหล่งข่าวภาคประชาชนให้สามารถปฏิบัติงานข่าวได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม 6.งานสลายโครงสร้างการจัดตั้ง (Ajak) ในหมู่บ้านเสริมสร้างความมั่นคง (ระดับ 1) และหมู่บ้านเป้าหมายที่ตรวจพบโครงสร้างการจัดตั้ง โดยใช้ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน 7.งานเสริมสร้างความเข้าใจในหมู่บ้านเป้าหมายและสถานศึกษากลุ่มเสี่ยง 8.งานฝึกทบทวนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอาสาสมัครประจำพื้นที่ และชุดคุ้มครองตำบล โดยประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ประจำชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่รับผิดชอบ ชุดคุ้มครองตำบลละ 6 นาย ในการให้คำแนะนำ กำกับดูแลและปฏิบัติงานร่วมกัน 9.งานสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งนำร่องอำเภอละอย่างน้อย 5 ชุมชน 10.งานขับเคลื่อนโครงการสานใจสู่สันติ 11.งานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และ 12.งานจัดระเบียบชายแดน และสนับสนุนงานจัดระเบียบชายแดน
ทางด้านนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเน้นย้ำให้ศูนย์ปฏิบัติการทั้ง 13 อำเภอได้ควบคุมและกำกับดูแลให้ผู้นำท้องที่รับผิดชอบรักษาความปลอดภัยพื้นที่ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พุทธศักราช 2457 ที่มีอยู่อย่างเป็นรูปธรรม และหากมีเหตุการณ์ความมั่นคงเกิดขึ้นจะต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและมีการลงโทษตามข้อบังคับกฎหมายต่อไป อีกทั้งขอให้ขับเคลื่อนชุดคุ้มครองตำบลและเพิ่มประสิทธิภาพอาสาสมัครประจำพื้นที่ให้มีความพร้อม สามารถถ่ายโอนการควบคุมการบังคับบัญชาให้กับกรมการปกครองได้ภายในปีงบประมาณ 2564 นี้ให้ได้
ข่าวน่าสนใจ:
อย่างไรก็ตามวาระในการแถลงแผนบูรณาการเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ประจำปี 2565 ในครั้งนี้ อยู่ภายใต้กรอบของปัญหาในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง อาชญากรรม ยาเสพติด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในส่วนของการปฏิบัติตามแผนงานในห้วงปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมา มีการปฏิบัติในด้านต่าง ๆ เพื่อนำสู่การแก้ปัญหาให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่อย่างยั่งยืน ได้แก่ การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมประเพณีในสังคมพหุวัฒนธรรมเพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ให้แก่คนไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะระดับรากหญ้าให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น โครงการซ่อมแซมบ้านให้แก่ผู้ยากไร้ เป็นต้น รวมทั้งโครงการลดช่องว่างสร้างความเข้าใจเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับประเด็นหลักในที่ประชุมครั้งนี้คือ มิติของความมั่นคงที่เกิดขึ้นจากฝีมือของกลุ่มก่อเหตุรุนแรง โดยได้มีการระบุพื้นที่ของระดับแกนนำและสมาชิกแนวร่วม ตลอดจนการปฏิบัติการเชิงรุกในการทลายเครือข่ายของกลุ่มก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้อีกประเด็นที่สำคัญคือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้ง 13 อำเภอได้มีการบูรณาการการปฏิบัติเพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด ที่ผ่านมาได้มีการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในแต่ละอำเภออย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การสนับสนุนเตียงไม้ไผ่สำหรับโรงพยาบาลสนาม การจัดข้าวกล่องและน้ำดื่มให้แก่ผู้ป่วยรวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ การมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งมอบอุปกรณ์ในการป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชนอีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: