นราธิวาส – พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน 2 รายแรกที่ อ.สุไหงโก-ลก
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่กำลังแพร่ระบาดในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ในส่วนของจังหวัดนราธิวาส ล่าสุด นายมะยุรี เจะโซะ สาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส แจ้งว่า ขณะนี้อำเภอสุไหงโก-ลก พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในพื้นที่แล้วจำนวน 2 ราย โดยเป็นนักศึกษาที่พักอาศัยในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จำนวน 1 ราย และอาศัยในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลปาเสมัส จำนวน 1 ราย โดยทั้ง 2 รายเดินทางกลับมาจากการร่วมงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในจังหวัดภูเก็ต เมื่อมีอาการจึงทำการตรวจ ATK โดยผลเป็นบวก จากนั้นจึงส่งตรวจไปหาสายพันธุ์ และได้รับการยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน โดยขณะนี้ทั้ง 2 รายเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลกแล้ว และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าทำการคัดกรองกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว และผู้สัมผัสใกล้ชิดบุคคลทั้ง 2 รายเพื่อให้กักตัว ติดตามอาการแล้ว ทั้งนี้ขอเน้นย้ำว่า การนิยามการเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จะหมายถึง ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ โดยไม่สวมหน้ากากอนามัยเป็นหลัก
“สำหรับประชาชนในพื้นที่ ไม่ควรตื่นตระหนกกับการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน เพราะอาการโดยรวมน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า เพียงแต่จะแพร่เชื้อได้ง่าย ดังนั้นขอให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัด และทุกครัวเรือนที่มีผู้ที่ครบตามเกณฑ์ ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง ควรฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทุกเข็มตามประกาศของกรมควบคุมโรค”
และในกรณีพบเชื้อ จะมีการจัดยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ ให้รับประทานในช่วง 5-10 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เชื้อไวรัสก็จะหายไป แต่ในรายที่พบเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน หรือผู้ป่วยที่มีอาการ ก็จะนำเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้างหากรักษาตัวภายในบ้าน
นอกจากนี้นายมะยุรี เจะโซะ สาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก ยังได้เน้นย้ำว่า กรณีเดินทางมาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ขอให้ทำการตรวจ ATK ก่อนเข้าพื้นที่ ประมาณ 12-72 ชั่วโมง และตรวจซ้ำทุก 3 วันจนครบ 7 วัน เพราะการพบผู้ติดเชื้อเร็ว รักษาทันที จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
