นราธิวาส-ตำรวจน้ำนราฯจับเรือประมงเวียดนาม 1 ลำ พร้อมลูกเรือ 7 คน ขณะรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทยห่างจากปากร่องน้ำบางนรา 22 ไมล์ทะเล
วันนี้ (9 มีนาคม 2565) ที่กองบังคับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ อ.เมือง จ.นราธิวาส ภายใต้อำนวยการและสั่งการของ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พลตำรวจตรี สมควร พึ่งทรัพย์ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ ที่ได้มีการสั่งการให้ชุดปฏิบัติการออกปฏิบัติภารกิจปราบปรามการกระทำความผิดทางทะเล และการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU FISHING)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 ได้รับแจ้งจากกลุ่มเรือชาวประมงในน่านน้ำไทยว่าพบกลุ่มเรือประมงไร้สัญชาติแอบลักลอบรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทยบริเวณรอยต่อประเทศไทย กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ นำโดย พันตำรวจเอก ปรเมษฐ โพยนอก ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.นัฐพงษ์ ตาแก้ว รอง ผกก.7 บก.รน. พ.ต.ท.ศรัณย์วิทย์ ฐีระเวช สว. ส.รน.2 กก.7 บก.รน. และ ว่าที่ พ.ต.ต.จิรายุทธ แก้วด้วง สว.ส.รน.3 กก.7 บก.รน.จัดชุดสืบสวนหาข่าวและจัดเรือตรวจการณ์ในสังกัดกองกำกับการ 7 ออกลาดตระเวน จับกุม ปราบปรามการกระทำความผิดในทะเล โดยให้เรือตรวจการณ์หมายเลข 528,529 ออกทำการลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบ
จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 9 มีนาคม 2565 บริเวณแลตติจูด 06 องศา 44 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 101 องศา 59 ลิปดาตะวันออก ซึ่งอยู่ในทะเลอาณาเขตตรงกันกับตำบลบางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ห่างจากปากร่องน้ำบางนราไปทางทิศตะวันออกประมาณ 22 ไมล์ทะเล ได้ตรวจพบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม เข้ามาลักลอบทำการประมงในเขตการทำประมงของไทย และสามารถจับกุมเรือประมงสัญชาติเวียดนามได้จำนวน 1 ลำ ชื่อเรือ CM 91780 TS ซึ่งมีลูกเรือ จำนวน 7 คน เบื้องต้นชุดจับกุมได้ตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมด ในข้อหาร่วมกันทำการประมงพาณิชย์ในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.ก.ประมง พ.ศ.2558 พร้อมด้วย พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทย พ.ศ.2482 และ พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456
ทั้งนี้พื้นที่อ่าวไทยภาคใต้ ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลา จนถึงชายแดนไทย-มาเลเซีย จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ มีการลักลอบเข้ามาทำการประมงของเรือประมงสัญชาติเวียดนาม เป็นจำนวนมากและบ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ ซึ่งปัญหาการลักลอบเข้ามาทำการประมงของเรือสัญชาติอื่นนี้ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากร และธรรมชาติของประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ความรับผิดชอบที่กองบังคับการตำรวจน้ำตระหนักและต้องปราบปรามจับกุมอย่างจริงจัง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของประเทศไทยต่อไป
