นราธิวาส-จ.นราธิวาสจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 3 และการประชุมกลุ่มย่อยระดับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน เรื่อง การวางผังนโยบายระดับภาคใต้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่ห้องประชุมนราทัศน์ฮอลล์ โรงแรมอิมพีเรียลนราธิวาส ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายทศพล สวัสดิสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 3 และการประชุมกลุ่มย่อยระดับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา การวางผังนโยบายระดับภาค ภาคใต้ เรื่อง “ร่างผังนโยบายระดับภาค ภาคใต้ โดยมี นางสาวจริยาพร จิตต์ใจมั่น ผู้อำนวยการสำนักผังประเทศและผังภาค กรมโยธาธิการและผังเมือง นานณัฐนนท์ พงษ์ธัญญะวิริยา ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ดร.ตติยะ ฉิมพาลี ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ดร.ชิษณุ อัมพรายน์ รองผู้จัดการโครงการ /ผู้เชี่ยวชาญด้านการคมนาคมและขนส่ง หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
ทั้งนี้กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการวางผังนโยบายระดับภาค ภาคใต้ ตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาพื้นที่ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน การพัฒนาเมืองและชนบท การคมนาคมขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์ สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น สอดคล้องกับกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของประชาชน
ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาจังหวัด และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การประชุมในรูปแบบ On – site คือ การเข้าประชุมในพื้นที่ และรูปแบบ Online ด้วยระบบซูม เว็บบินาร์ ประกอบด้วยการเสวนา หัวข้อเรื่อง “การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยภายใต้แนวคิด BCG”และการนำเสนอร่างผังนโยบายระดับภาค ภาคใต้ รายสาขา แผนงานและโครงการการพัฒนา โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันการศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรอิสระ และภาคประชาชนโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะทั้งในระบบ On-site และ Online ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้น กรมโยธาธิการและผังเมืองจะได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ไปประมวล และปรับปรุงร่างผังนโยบายระดับภาค ภาคใต้ ให้มีความครบถ้วน พร้อมทั้งขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ พิจารณาให้ความเห็นชอบภายในปี พ.ศ. 2566 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้หน่วยงานของรัฐ นำไปใช้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป
ด้าน นายทศพล สวัสดิสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ภาคใต้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในการเป็นประตูการค้าและการขนส่งทั้งทางบกและทางทะเลสู่นานาประเทศ ได้แก่ เมียนมา มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย รวมทั้งภูมิภาคเอเชียใต้ เป็นที่ตั้งพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ อย่างยั่งยืน (SEC) ที่สามารถเชื่อมโยงกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทยและอันดามัน (Royal Coast and Andaman Route) มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย เป็นแหล่งผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป มีเมืองชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส ยะลา และจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ในการเป็นแหล่งผลิตภาคการเกษตร สินค้าฮาลาล อุตสาหกรรมประมงและการแปรรูปอาหารทะเลเพื่อการส่งออก เป็นที่ตั้งของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นของพหุวัฒนธรรม ด้วยความได้เปรียบเชิงที่ตั้งและมีระบบ
ซึ่งโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สามารถเชื่อมโยงกับเมืองต่างๆ ทั้งภายในประเทศและภูมิภาคอื่นๆ จึงเป็นโอกาสและความท้าทายของภาคใต้ในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
และกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจ ให้พร้อมรองรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง อาทิ การเข้าสู่สังคมสูงอายุ สังคมดิจิทัล และนวัตกรรม รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยขณะนี้การวางผังนโยบายระดับภาค ภาคใต้ ตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 ได้ดำเนินมาสู่ขั้นตอนการจัดทำร่างผังนโยบายระดับภาค ภาคใต้ เพื่อเป็นแผนผังนโยบายการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ในการพัฒนาและการดำรงรักษาพื้นที่ในระดับภาค กลุ่มจังหวัด และจังหวัด ดังนั้น การประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 3 และการประชุมกลุ่มย่อยระดับกลุ่มจังหวัด ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ทุกภาคส่วนจะได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ และสร้างความรู้ความเข้าใจต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ในทิศทางเดียวกันต่อไป
