นราธิวาส-“ทวี สอดส่อง”พร้อมคณะกรรมาธิการลงพื้นที่รับฟังปัญหาที่ดินทับซ้อน เร่งพิสูจน์สิทธิให้ความเป็นธรรมชาวบ้านจาก พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 (เขาบูโด-สุไหงปาดี) หวังประชาชนมีกรรมสิทธิ์ที่ดินทำกินของตัวเอง
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 29 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ให้การต้อนรับ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ส.ส.และเลขาธิการพรรคประชาชาติ นางผ่องศรี แซ่จึง รองประธานคณะกรรมาธิการ และนายสมชาย ฝั่งชลจิตร รองประธานคณะกรรมาธิการ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของผู้ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 (เขาบูโด-สุไหงปาดี) ตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบในที่ดินทำกินเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อรับฟังปัญหาของชาวชุมชนเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่อยู่อาศัย และยังได้ร่วมประชุมร่วมกับหน่วยงานในจังหวัด เพื่อหารือแนวทางการช่วยเหลือและทางออกในการแก้ไขปัญหาของชุมชนและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินบริเวณพื้นที่ (เขาบูโด-สุไหงปาดี) เพื่อรวบรวมข้อมูล รับฟังความคิดเห็น แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสิทธิ์ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน ประชุมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน และผลกระทบของประชาชน เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงออกกฎหมายให้เกิดความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชนต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ปัญหาที่ดินระหว่างที่ดินของรัฐ ได้แก่ ป่าสงวน อุทยานหรือเขตสงวนรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กับประชาชนโดยประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากโดยการประกาศแนวเขต ซึ่งส่วนหนึ่งมีการระบุว่าไปทับที่ของประชาชนที่อยู่มาก่อน ซึ่งรัฐบาลเองก็พยายามที่จะแก้ปัญหา แต่เนื่องจากเป็นกฎหมายในส่วนของพรรคประชาชาติได้ทำไปในจังหวัดนราธิวาสที่เป็นปัญหาใหญ่คือที่บูโด -สุไหงปาดี และเขตสงวนรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ร.บ.ป่าสงวน ซึ่งเราก็อยากให้กลับไปอยู่ในจุดที่ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยควรจะไปแก้กฎหมายในลักษณะที่ดินที่ประกาศเป็นอุทยานป่าสงวน ถ้ามีการพิสูจน์ว่าประชาชนอยู่มาก่อนประกาศแนวเขตนั้น ให้ประชาชนมีสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินก็ต้องสิทธิ์ให้กับประชาชน เนื่องจากกฎหมายที่ถูกแก้ไขใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2562 ของกฎหมายป่าทุกชนิดจะเขียนในลักษณะว่าประชาชนเป็นผู้ผิดไปแล้ว ไม่มีช่องทางในการพิสูจน์ ซึ่งปัญหาที่ดินเป็นปัญหาที่ใหญ่และซับซ้อนมาก โดยเฉพาะพี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีปัญหาในที่ของรัฐอยู่เป็นจำนวนมาก เราก็อยากจะขับเคลื่อนให้เป็นสิทธิ์ให้ชุมชนนำมาใช้ประโยชน์ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นสิทธิ์ของหน่วยงานราชการเกือบหมด และเป็นปัญหาใหญ่ซึ่งถ้าปล่อยปละละเลยนับวันจะทำให้แก้ปัญหาไม่ได้
ขณะที่นายมะรอมือลี เฮงมะนีลอ ประธานเครือข่ายแก้ปัญหาที่ดินบูโด เขตอุทยานสุไหงปาดี กล่าวว่า ปัญหาที่ดินยังเป็นปัญหาที่ชาวบ้านยังรอการแก้ไขอยู่ เพราะได้มีการสำรวจมาหลายครั้งแล้วเป็นเวลานานกว่า 15 ปีแล้ว ไม่ได้โฉนดในเขตอุทยาน แต่กลับได้โฉนดเฉพาะในส่วนของชาวบ้านครอบครองอยู่แล้ว ก็เลยอยากจะเรียกร้องให้ออกโฉนดรัฐบาลก็จัดสรรให้เฉพาะ ในส่วนของชาวบ้านครอบครองอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่ต้องการคือที่ดินทำกินที่อยู่บนอุทยานเพราะชาวบ้านทุกคนมีอาชีพส่วนใหญ่อยู่บนภูเขา มีส่วนยาง สวนลองกอง และสวนทุเรียน ล้วนแต่อยู่บนเขาหมดเลย แต่อยู่ๆรัฐบาลก็ไม่ให้เข้า ก็เลยรอหนังสือสัญญาว่าจะสามารถเข้าไปทำกินได้เมื่อไหร่ ซึ่งกว่า 15 ปีแล้วที่ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้จึงอยากฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ศอ.บต. ตลอดจนรัฐบาลแก้ปัญหานี้ซึ่งไม่ใช่แค่จังหวัดนราธิวาสแต่ยังมีจังหวัดอื่นอีกประกอบไปด้วย 9 อำเภอ นราธิวาส 7 อำเภอ ยะลา 1 อำเภอ และ ปัตตานี 1 อำเภอ ซึ่งความเป็นจริงแล้วชาวบ้านอยู่ก่อนประกาศอีก ซึ่งชาวบ้านเองก็รอความหวังว่ารัฐบาลจะให้อุทยานคืนกับชาวบ้าน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเพราะชาวบ้านอยู่ก่อน นั่นก็อยู่ที่รัฐบาลจะให้หรือไม่ให้แค่นั้นเอง แต่ยังมีปัญหาเขตอุทยานทับที่ของชาวบ้านอีก ซึ่งอยากฝากให้แก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพราะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะคืนให้ชาวบ้านสักที ซึ่งอันไหนที่ชาวบ้านอยู่ก่อนก็คืนให้กับชาวบ้านไป แต่อันไหนที่ชาวบ้านอยู่ทีหลังก็เอาคืนไป โดย พ.ร.บ. อุทยานเพิ่งออกแค่ปีพ.ศ. 2562 ไม่กี่ปีนี้เอง เราเองอยู่ก่อนตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายอีก ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะสร้างความแตกแยกระหว่างรัฐบาลกับชาวบ้าน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: