นรา- “ในหลวง”ห่วงใยสตรีไทย ส่ง “มูลนิธิกาญจนบารมี” นำรถแมมโมแกรมเคลื่อนที่ ตรวจมะเร็งเต้านม 4 ภาค

มะเร็งเต้านม คร่าชีวิตผู้หญิงไทยเป็นอันดับ 1

“ในหลวง” โปรดเกล้าฯให้ “มูลนิธิกาญจนบารมี” นำรถเอกซเรย์มะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ (Mammogram) 4 คัน คัดกรองสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส ขณะที่สตรีนราฯ ผ่านการตรวจแล้ว 76,199 คน อย่าชะล่าใจ! ตรวจไว รักษาหาย..ยิ่งช้า ยิ่งลุกลาม!
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิกาญจนบารมี จัดทำโครงการ “คัดกรองมะเร็งเต้านม โดยเครื่องเอกชเรย์เต้านมเคลื่อนที่” ( Mammogram) กลุ่มเป้าหมายคือ สตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส 4 หน่วย 4 ภาคทั่วประเทศ ทรงมีพระราชประสงค์ให้สตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสได้เข้าถึงการบริการคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับ จ.นราธิวาส ได้เปิดโครงการ “คัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่” ( Mammogram ) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันนี้ (26 ส.ค.67) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบฯ ศาลากลาง จ.นราธิวาส (แห่งที่ 1) โดย ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส เป็นประธานฯ ซึ่งมูลนิธิกาญจนบารมี ร่วมกับ อบจ.นราธิวาส และ สสจ.นราธิวาส จัดขึ้นเพื่อสนองพระราชประสงค์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร
โดย “โครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกชเรย์เต้านมเคลื่อนที่” (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส เริ่มให้บริการประชาชนในพื้นที่ อ.เมือง, อ.ยี่งอ, อ.บาเจาะ และ อ.ตากใบ จากนั้นจะไปให้บริการประชาชนในพื้นที่ 9 อำเภอ จนครบ 4 จุด ระหว่างวันที่ 26 ส.ค.67 ถึง 13 ก.ย.67 รวม 15 วัน คาดว่าจะมีสตรีกลุ่มเสี่ยงใน 13 อำเภอ เข้ารับบริการประมาณกว่า 2,000 คน


นพ.สมบูรณ์ บุญกิตติชัยพันธ์ สสจ.นราธิวาส ระบุว่า มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ1ของสตรีไทย ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง อัตราการตายเพิ่มสูงมากถึง 1.7 เท่า และมีอัตราการตายเพิ่มเกิน 2 ใน 3 หรือประมาณร้อยละ 68 ของผู้เป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ในระยะที่มะเร็งลุกลามและแพร่กระจายไปมากแล้ว
“การป้องกันมะเร็งเต้านมที่ดีที่สุดคือ เข้ารับการตรวจให้เร็วที่สุด ซึ่งสตรีในพื้นที่ จ.นราธิวาส กลุ่มอายุ 30-70 ปี ในเขตรับผิดชอบ 157,082 คน ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแล้ว จำนวน 76,199 คน คิดเป็นร้อยละ 48.51”

กำหนดจุดบริการ 4 หน่วยคือ หน่วยที่ 1 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบฯ ศาลากลาง จ.นราธิวาส (แห่งที่ 1) วันที่ 26-30 ส.ค.67, หน่วยที่ 2 ที่เทศบาล ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ วันที่ 2-4 ก.ย.67, หน่วยที่ 3 ที่ รพ.สุไหงโก-ลก วันที่ 5,6,9,10 ก.ย.67 และหน่วยที่ 4 ที่ รพ.ศรีสาคร วันที่ 11-13 ก.ย.67
ทั้งนี้ มูลนิธิกาญจนบารมี จะนำขบวนรถเคลื่อนที่ไปให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส รวม 4 คัน ประกอบด้วย รถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่แบบประสิทธิภาพสูง (รถ Mammogram) 2 คัน,รถตรวจ-สอนการตรวจเต้านมโดยแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 1 คันและรถนิทรรศการโรคมะเร็งเต้านมอีก 1 คัน


วิธีสังเกตมะเร็งเต้านม เช่น ผิวหนังของเต้านมเปลี่ยนแปลงไป ไม่เรียบสนิท มีรอยบุ๋ม รั้งตัว หดตัว มีลักษณะเป็นผิวส้ม เพราะหากมีก้อนเนื้อเกิดขึ้นภายในเต้านม ผิวหนังของเต้านมจะถูกรั้งหรือดึงให้บุ๋มเข้าไปในเต้านมได้, ระบบขับถ่ายผิดปกติ, แผลเรื้อรังที่รักษาไม่หายที่บริเวณเต้านม, เลือดไหลผิดปกติตามทวารใดๆ ของร่างกาย, คลำพบก้อนที่เต้านมหรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย, กลืนอาหารลำบากหรือระบบการย่อยผิดปกติ, ไฝหรือหูดที่เปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ หรือมีเลือดออก มีน้ำเหลืองหรือของเหลวออกมาจากหัวนม, เจ็บเต้านมหรือผิวหนังบริเวณเต้านมอักเสบ มีผื่นคันบริเวณเต้านม
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่อง Mammogram ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูง ลดอัตราการเสียชีวิตได้ เป็นการตรวจหาความผิดปกติของเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก สามารถตรวจพบความผิดปกติของเต้านม เช่น ก้อนเนื้อ หินปูน หรือขนาดของเต้านมที่ไม่สม่ำเสมอ อาจมีการทำอัลตราซาวด์เพิ่ม เพื่อช่วยในการวินิจฉัยให้แม่นยำมากขึ้น ที่สำคัญควรตรวจเป็นประจำทุกปี ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ 7-14 วัน หลังหมดประจำเดือน เพราะช่วงนี้ฮอร์โมนในร่างกายเริ่มลดลง เต้านมไม่คัดตึง เวลาใช้แผ่นกดขณะตรวจจะไม่เจ็บ ซึ่งการตรวจ Mammogram ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ก็ทราบผลตรวจได้ทันที ส่วนผลตรวจอย่างละเอียดประมาณ 1-2 สัปดาห์