X

นราธิวาส-“ไฟใต้จะมอดสนิท” สภาสันติสุขตำบลร่วมปลดล็อค”การบิดเบือน”

“ไฟใต้จะมอดสนิท” สภาสันติสุขตำบลต้องร่วมปลดล็อค”การบิดเบือน”


“แม่ทัพภาคที่ 4” ย้ำ! ในที่ประชุมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ‘สภาสันติสุขตำบล’ เป็นหัวใจหลักที่จะขับเคลื่อนปัญหาความมั่นคงและทุกมิติ ไม่นำข้อเท็จจริงไปบิดเบือนจนเกิดความขัดแย้งเหมือนเช่นกรณีตากใบ



วันนี้ (21 ต.ค.67) เวลา 15.00 น.ที่หอประชุมวิทยาลัยชุมชนนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.รมน.ภาค 4 ประชุมและมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคง รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ตามแผนเสริมสร้างสันติสุข ผ่านสภาสันติสุขตำบล แก่ส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ไปในทิศทางเดียวกัน


“ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นกำลังสำคัญและเป็นหัวใจหลักที่จะขับเคลื่อนสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันดูแลปกป้องประชาชน ให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้นโยบายสำคัญเร่งด่วน คือการควบคุมพื้นที่และการบังคับใช้กฎหมาย การแก้ไขปัญหายาเสพติด ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม สร้างความเข้าใจและบูรณาการด้านความมั่นคงและการพัฒนาที่จะนำสู่ความสันติสุข โดยใช้สภาสันติสุขตำบลเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ให้คนในชุมชนนั้นๆเป็นตาสับปะรด สังเกตคนแปลกหน้าที่เข้ามาในหมู่บ้าน ปฏิบัติภารกิจเชิงรับและสนับสนุนภารกิจเชิงรุก ประสานการปฏิบัติกับหน่วยกำลังในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย อยู่ร่วมกันได้ในสังคมพหุวัฒนธรรม ต้องขอความร่วมมือจากทุกท่านในที่นี้ ทำชุมชนให้เข้มแข็ง และเชื่อว่าการพัฒนาในหลายๆด้านจะทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด”


สำหรับการพบปะและมอบนโยบายในวันนี้ เน้นแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ที่จะต้องนำสู่การพิจารณาและวิเคราะห์ เพื่อให้หน่วยงานระดับจังหวัด อำเภอ ตำบลและชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หารือและร่วมกันหาทางออกของปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมเช่นนี้จะช่วยให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จะได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว


วาระสำคัญครั้งนี้คือ “การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง” กับผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ กรณีเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย, การรวมพลังของคนบางกลุ่ม รวมทั้งการบิดเบือนข้อเท็จจริงจนนำไปสู่ความขัดแย้งในที่สุด ซึ่งกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านยืนยันว่า พร้อมเป็นสื่อกลางในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องไปยังประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ อีกทั้งขอให้ภาครัฐ นำเสนอภารกิจงานความมั่นคงถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารและกำลังภาคประชาชน ว่าพวกเราต่างมีความสามัคคีทำงานร่วมกันมาตลอด พร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนในทุกสถานการณ์


อย่างไรก็ตาม กรณีจะครบรอบ 20 ปี เหตุสลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.47 ซึ่งผู้ชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ ชรบ.6 คนที่ถูกจับกุมเนื่องจากกลุ่มติดอาวุธบุกปล้นปืนทางราชการไป 6 กระบอก ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มขยายวงมากขึ้น ทหารจึงปิดล้อมพื้นที่และสลายการชุมนุมด้วยกระสุนจริง รวมทั้งฉีดน้ำและแก๊สน้ำตาจนเกิดการปะทะกัน มีผู้เสียชีวิตทันที 7 คน จับกุมผู้ชุมนุม 1,370 คน ก่อนขนย้ายจาก สภ.ตากใบไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการขนส่ง 78 คน รวมเสียชีวิตทั้งหมด 85 คน

โดย พลโท ไพศาล หนูสังข์ ได้ตอบข้อซักถามสื่อมวลชนว่า มีความกังวลใจหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุรุนแรงในวันนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่า หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น ทั้งที่ สภ.ตากใบและค่ายอิงคยุทธบริหาร เจ้าหน้าที่ต้องระงับเหตุทันที ทั้งนี้ตนเองได้สั่งกำชับไปยังหน่วยกำลังทุกภาคส่วนทั้ง 3 จชต.และ 4 อำเภอของสงขลา ย้ำให้ควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดเหตุความรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะนราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงต้องยกระดับการปฏิบัติให้เข้มขึ้น ขอให้ทุกคนอย่าตกเป็นเหยื่อของกลุ่มที่เข้ามาขุดเรื่องนี้ซ้ำขึ้นมาอีก ซึ่งในวันที่ 25 ต.ค.67 นี้ คดีดังกล่าวจะสิ้นสุดอายุความ

“ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยติธรรมจะดีกว่า จำได้ว่าในปี 2554 แกนนำขบวนการออกมาพูดว่า การจุดไฟปฏิวัติให้ลุกโชน เราทำสำเร็จแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของประชาชนในเรื่องเอกราช ซึ่งตนเองมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น เป็นความพยายามที่จะโยนความผิดให้ฝ่ายรัฐ ประชาชนในพื้นที่อย่าตกเป็นเหยื่อ ให้ทุกคนเข้าใจกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ลืมอดีตและอยู่กับปัจจุบันดีที่สุด”

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน